กลับมาอีกครั้งในปีนี้กับงานมหกรรมเกมครั้งใหญ่แห่งแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Tokyo Game Show 2022 ซึ่งในปีนี้ทางผู้พัฒนาเกมชื่อดังทั้งหลายก็ยังคงขนเอาเดโมเกมใหม่ ๆ ที่กำลังจะวางจำหน่ายของตนเองมาให้ผู้ร่วมงานได้ต่อแถวรอเล่นกัน โดยหนึ่งในเกมที่ผู้พัฒนา SEGA นำมาจัดแสดงภายในงานก็คือเกมเม่นสายฟ้าภาคใหม่ Sonic Frontiers เกมแนวแอคชันผจญภัย ที่จะให้ผู้เล่นได้ควบคุมเจ้าเม่นสายฟ้าเพื่อเดินทางไปทำภารกิจต่าง ๆ ได้อย่างอิสระบนแผนที่ขนาดใหญ่ ในดินแดนปริศนาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน โดยเนื้อเรื่องของเกมจะเกี่ยวข้องกับการไขปริศนาเบื้องหลังดินแดนนี้ รวมถึงเหตุผลที่โซนิคถูกเรียกมาที่นี่

ทางทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสสัมผัสเดโมเกมด้วยตัวเองมาแล้ว จึงอยากจะลองมาเล่ารายละเอียดและความรู้สึกจากการเล่นเดโมสั้น ๆ ของเกมให้ทุกคนได้อ่านกันจ้า!

• เมื่อเปิดเดโมขึ้นมา ข้อสังเกตแรกที่เข้ามาในหัวคือเรื่องกราฟิกและฉากภายในเกม ซึ่งเป็นประเด็นที่เกมถูกตำหนิมาค่อนข้างหนักในช่วงที่เกมเปิดตัวใหม่ ๆ โดยต้องบอกว่ากราฟิกและฉากในเดโมที่เล่นนั้นดูดีกว่าที่เห็นในตัวอย่างแรก ๆ ของเกมพอสมควร
• แต่ถึงอย่างนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า "โลก" ของเกม (อย่างน้อยในเสี้ยวเล็ก ๆ ที่ได้สำรวจในเดโม) นั้นค่อนข้างจะไร้ชีวิตชีวาไปซะหน่อย โดยตลอดเวลาราว 15-20 นาทีของเดโม ผู้เขียนไม่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นเลยนอกจากโซนิค และเหล่าศัตรูที่พบประปราย (ซึ่งก็ไม่รู้จะเรียกสิ่งมีชีวิตได้ไหม) ซึ่งถ้าหากเพิ่มสัตว์ตัวเล็ก ๆ คอยวิ่งไปมาอยู่ในโลก หรือทำให้ผู้เล่นได้เห็นนกบินอยู่บนท้องฟ้าไกล ๆ ก็อาจช่วยทำให้เกมไม่รู้สึกวังเวงขนาดนี้ แถมฉากต้นไม้ต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเลย (เช่นการพลิ้วตามลม)
• แผนที่ในเดโม แม้จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีทางลับและของสะสมให้ค้นหาอยู่ไม่น้อยเลย โดยในแผนที่จะมีอุปกรณ์ที่ช่วยในการเดินทางอย่างแป้นกระโดด เชือกโหน หรือวงแหวนเร่งความเร็วเป็นต้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่น่าจะคุ้นเคยกันดีจากโซนิคภาคเก่า ๆ
• ผู้เขียนยังค่อนข้างสองจิตสองใจกับเกมเพลย์การสำรวจในเกมนี้อยู่พอสมควร เพราะแม้ว่าในบางจังหวะเกมจะรู้สึกรวดเร็วและลื่นไหลสมชื่อโซนิค เมื่อเราสามารถเคลื่อนที่จากตัวช่วยหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งติดต่อกันได้ แต่ก็มีอีกหลายจังหวะที่การควบคุมหรือมุมกล้องของเกมเข้ามาขัดขวาง จนทำให้การสำรวจรู้สึกจุกจิกติดขัดมากกว่าที่ควรจะเป็นเช่นกัน
• ในด้านการควบคุม โซนิคจะมาพร้อมกับทักษะพื้นฐานที่เราคาดหวังจะเห็นในเกมแอคชัน อย่างการกระโดดสองขั้น การโจมตีเป็นคอมโบ หรือการกลิ้งหลบการโจมตี แต่ก็มีเอกลักณ์ที่เพิ่มเข้ามาคือระบบ Boost และระบบ Cyloop
• สำหรับระบบ Boost จะเป็นการกดปุ่ม R2 ค้างเอาไว้เพื่อชะลอเวลารอบ ๆ ตัวผู้เล่น เพื่อจำลองว่าโซนิคกำลังเคลื่อนที่เร็วมาก ๆ จนทุกอย่างแลดูช้าไปหมด ซึ่งก็เป็นวิธีการจำลองความเร็วของโซนิคที่สมเหตุสมผลดี เพราะถ้าเกมเลือกจะเร่งความเร็วโซนิคแทนก็อาจจะทำให้ควบคุมลำบากสำหรับผู้เล่น
• แต่พอได้ลองเล่นจริง ๆ ก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกอยู่ไม่น้อย เพราะคนส่วนใหญ่ที่เล่นเกมโซนิคน่าจะเห็นตรงกันว่า "ความเร็ว" ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของเกม แต่ในเกมนี้ระบบ Boost กลับส่งผลให้ทุกอย่างช้าลงแทน โดยที่ตัวโซนิคเองไม่ได้รู้สึกเร็วขึ้นเท่าไหร่ จึงมักให้ความรู้สึกว่าเกมมีความช้าซะแทน เป็นความรู้สึกที่ไม่คาดหวังจะได้รับจากเกมโซนิค ซึ่ง ณ ตอนนี้ผู้เขียนก็ยังสรุปไม่ได้ว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะส่งผลดีผลเสียต่อเกมในภาพรวมเพียงใด
• ในส่วนของระบบ Cyloop คือระบบที่เราเห็นโซนิคปล่อยแสงออกมาตามทางที่วิ่ง โดยผู้เล่นจะสามารถใช้แสงที่ว่านี้เพื่อ "วาด" วงกลมรอบตัวศัตรู ซึ่งจะทำให้ศัตรูที่อยู่ในวงโดนดีดลอยขึ้นกลางอากาศ ให้เราสามารถเข้าไปโจมตีเป็นคอมโบได้โดยไม่ต้องกลัวจะถูกสวนกลับ แต่เพราะศัตรูที่พบในเดโมส่วนใหญ่จะโดนตีทีเดียวตาย จึงบอกไม่ถูกว่าการต่อสู้กับศัตรูธรรมดาในเกมจะท้าทายมากแค่ไหน และระบบ Cyloop จะจำเป็นแค่ไหน
• ผู้เขียนได้มีโอกาสต่อสู้กับบอสสองตัวในเดโมคือ Ninja กับ Tower โดย Ninja นั้นเป็นเพียงบอสฝึกหัด (Tutorial) ให้เราฝึกการกลิ้งหลบเท่านั้น แต่ Tower ถือเป็นบอสจริง ๆ ที่มีลักษณะเป็นหอคอยติดอาวุธ ที่จะยิงจรวดติดตามผู้เล่นเป็นระยะ โดยผู้เล่นจะต้องใช้ระบบ Cyloop วิ่งวนบอสเพื่อทำลอยหอคอยทีละชั้น เพื่อให้ส่วนหัวของบอสลงมาอยู่ในระดับที่เราจะโจมตีได้
• เช่นเดียวกับการสำรวจ การต่อสู้กับบอสในเกมนี้มีทั้งจังหวะที่ให้ความรู้สึกดีและขัดใจพอ ๆ กัน สิ่งที่ดีคงเป็นเรื่องของการที่บอสในเกมดูจะมี Mechanic หรือเงื่อนไขในการพิชิตของตนเอง ซึ่งก็บังคับให้ผู้เล่นจำเป็นต้องปรับตัวตามจริง ๆ มากกว่าจะปิดสมองบู๊ไปเรื่อย ๆ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ระบบมุมกล้องและการควบคุมของเกมก็ยังนำไปสู่จังหวะที่น่าหงุดหงิดอยู่บ้าง เช่นเมื่อกดหลบการโจมตีบอสแต่โซนิคกลับพุ่งไปอีกทางเพราะมุมกล้องเพี้ยน หรือเมื่อบอสกระโดดมาด้านหลังเราและบังกล้องหมดเลย เป็นต้น
• ในส่วนของเนื้อเรื่อง ภายในเดโมไม่มีฉากเนื้อเรื่องใด ๆ ให้ดูเลย ไม่มีแม้กระทั่งบทสนทนากับ NPC ซักตัว ผู้เขียนจึงยังบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเนื้อเรื่องของเกมจะน่าสนใจเพียงไหน 
• กล่าวโดยสรุป จากเดโมที่ได้ลองเล่นมา ต้องยอมรับว่าแม้เกม Sonic Frontiers จะดูดีกว่าที่คาดหวังไว้ จากภาพตัวอย่างที่ปล่อยออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถซื้อใจผู้เขียนได้มากนัก จากระบบเกมเพลย์และการออกแบบบางอย่างที่ยังอาจจะขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง  คงต้องรอดูว่าผู้พัฒนา SEGA จะสามารถกลบจุดอ่อนเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อเกมวางจำหน่ายจริงในวันที่ 8 พฤษจิกายนนี้