หลังจากที่เราได้แนะนำเกม Thetan Arena กันไปแล้ว ว่าทีมงานได้มีพยายามผลักดันเกมแนว e-sport อย่าง MOBA และ Battle Royale เข้ามาอยู่ใน Blockchain-base เพื่อสร้างสังคมและเศรษฐกิจของวงการเกมอย่างยั่งยืน

แล้วใน Thetan Arena จะมีอะไรให้เราเล่นบ้างล่ะ? แต่ละแมตช์จะยากแค่ไหน? แล้วเงื่อนไขในการชนะของแต่ละโหมดเป็นอย่างไร? มา! ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกกันจนหมดเปลือกพร้อมคำแนะนำที่จะทำให้คว้าชัยชนะมาแบบไม่ยากเย็น ถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลย!

1. Battle Royale

กติกาก็ง่ายๆ เลย นั่นคือการอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายของเกมให้ได้ จึงจะนับว่าเป็นผู้ชนะ! โดยใน Battle Royale ของเกม Thetan Arena จะเป็นแบบห้องละ 12 คน (และจะขยายหรือเพิ่มเป็นห้องละ 24 คนในอนาคต) โดยโหมดนี้มี 2 รูปแบบการเล่น นั่นคือ Solo และ Duo อยากลุยเดี่ยวหรือกลัวเหงาขอเพื่อนเกาะสักคนก็เลือกเลยจ้า

เมื่อเริ่มเกม ยานจะสุ่มลงจอดตามจุดต่างๆ ในแผนที่ ซึ่งก็วัดดวงเลยว่าจะอยู่กลางแมพหรือริมแมพ, แถวนั้นมีคนเยอะไหม, แล้วมีกล่องให้ฟาร์มเยอะหรือเปล่า? แน่นอนว่าเมื่อลงมาแล้ว สิ่งแรกที่ต้องพุ่งเข้าหาเลยคือ "กล่องของขวัญ" ซึ่งเมื่อเรายิงแตกแล้วจะได้รับคุณสมบัติพิเศษต่างๆ มาเพิ่มความเก่งและอัพเลเวลให้กับฮีโร่ของเรา ถ้าซวยหน่อย อาจเปิดกล่องมาแล้วเจอฮีล ซึ่งในช่วงต้นเกมเลือดเราเต็มอยู่แล้วจึงเก็บไม่ได้ แต่ที่ซวยจริงๆ คงเป็นการเปิดกล่องมาเจอระเบิดนี่แหละ! และถ้าเราเลือกเดินหนีมันก็จะเด้งตามเรามา เมื่อระเบิดถึงตัวเราแล้วล่ะก็ เลือดจะลดไปตามระเบียบจ้า~ อย่างไรก็ดี เราสามารถยิงระเบิดให้แตกก่อนถึงตัวได้นะ ถ้าอยู่ในระยะที่ค่อนข้างไกลและมี Burst กระสุนที่มากพอ

>> หากเป็นไปได้ ในช่วงต้นเกมขอให้เลี่ยงการปะทะและฟาร์มของให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยสกิลทั้ง 3 ควรจะมีพร้อมใช้ แค่เลเวลแรกก็ยังดี และถ้าหากเราไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนดีก็ลองซุ่มในพุ่มไม้ดู เพื่อเป็นการรีโหลดกระสุนและไม่ให้คนอื่นเห็นด้วย ถ้าเห็นใครตรงมาที่พุ่มไม้เราล่ะก็จะได้พร้อมโจมตียังไงล่ะ! ยิ่งถ้าได้สกิลที่เหมาะกับการดักโจมตีด้วยแล้วยิ่งง่ายเลยเพราะเราสามารถคอมโบทีเดียวคู่ต่อสู้ตายแน่นอนได้ ฉะนั้นอย่าลืมเตรียมสกิลที่คิดว่าเหมาะกับสไตล์การเล่นของเรามาให้ดีด้วย

>> ในช่วงวงสุดท้าย ให้ตั้งสติให้ดี อย่ารนแล้วยิงรัวๆ เพราะถ้า Burst กระสุนก็หมด สกิลก็ติดคูลดาวน์ ก็เท่ากับเราสู้ใครไม่ได้เลย ถ้าไม่ชัวร์อย่ายิง สกิลบางตัววิ่งหลบได้ก็วิ่งเอา และควรมีกระสุนหรือสกิลพร้อมตอบโต้ในสถานการณ์คับขันอยู่เสมอ

ส่วนการได้รับ Trophies ของโหมดนี้จะขึ้นอยู่กับลำดับที่เรามีชีวิตรอด ถ้าออกคนแรกก็ติกลบ 25 กลับกันถ้าชนะก็ได้บวก 25 และลดหลั่นกันไปตามลำดับ ซึ่งทำอย่างไรก็ได้ให้ได้อย่างน้อยที่ 6 แล้วเราจะได้ Trophies ติดบวก ถึงจะน้อยหน่อยก็ดีกว่าติดลบล่ะนะ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ในโหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่แรงค์ตกจากโหมดอื่นมา เพราะเราเล่นได้คนเดียว (หรือกับเพื่อนที่รู้ใจ) และควบคุมวิธีการเล่นได้ตามต้องการ ในขณะที่โหมดอื่นอาจเจอคนเล่นไม่เป็นหรือแย่ที่สุดคือได้บอทมาร่วมทีมแล้วพาเราแพ้นั่นเอง

2. Tower

โหมดการเล่น 4v4 ที่ทีมของเรามีภารกิจในการปกป้องหอคอยของฝั่งเราและทำลายหอคอยฝ่ายตรงข้ามให้ได้ก่อนที่หอคอยเราจะเสียหาย ซึ่งจะตรงกับคอนเซปต์ของ MOBA ในฉบับเล่นง่ายจบไวเลยล่ะ

เริ่มเกมมาเราจะมีเวลา 20 วินาทีในการเตรียมตัวก่อนที่แบตเตอรี่จะ summon ขึ้นมา หากทีมใดได้ครอบครองแบตเตอรี่แล้วล่ะก็ หุ่นยนต์ของฝั่งนั้นจะได้รับการชาร์จเป็นเวลา 40 วินาที เมื่อชาร์จเสร็จหุ่นยนต์จะออกจากหอคอยและมุ่งตรงไปยังหอคอยของอีกฝ่ายเพื่อโจมตีทันที

>> ภายใน 20 วินาทีแรกหลังเริ่มเกม เทคนิคสำคัญเลยคือการยึดพื้นที่กลางแมพให้ได้เพื่อแย่งชิงแบตเตอรี่มาเป็นของทีมเรา ที่เหลือคือการถือแบตเตอรี่ให้ครบกำหนดเวลาเพื่อให้หุ่นยนต์ทำงาน หลังจากหุ่นยนต์ออกเดินทางก็บุกฝ่ายตรงข้ามได้เต็มที่เลย เพราะนอกจากจะได้ kill แล้ว ยังสกัดไม่ให้พวกเขายิงหุ่นเราได้ด้วย

>> แต่ถ้าแบตเตอรี่ไปอยู่ที่อีกฝ่ายล่ะก็ รีบจัดการคนที่ถือแบตเตอรี่ซะ! เพราะถ้าหากแบตเตอรี่ตก ไม่ว่าฝั่งไหนจะเก็บได้ จะเริ่มนับการชาร์จที่ 40 วินาทีใหม่เท่ากัน ซึ่งสามารถซื้อเวลาหรือเปิดโอกาสให้ทีมเราเอาชนะได้ง่ายขึ้น

>> ในกรณีที่เราถูกหุ่นยนต์ของฝ่ายตรงข้ามบุก แนะนำให้เตรียมสกิลประเภท Effect ที่จะช่วยยับยั้งการกระทำของฝ่ายตรงข้ามได้มาสาดใส่ในช่วงเวลานี้เลย เพราะมันจะมีผลทั้งกับฮีโร่และหุ่นยนต์ หากฝ่ายนู้นนิ่งโอกาสที่เราจะ kill เขาและป้องกันไม่ให้หอคอยเรา HP หมด ก็จะทำได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

นับว่าเป็นโหมดที่ต้องอาศัยทั้งการบริหารเวลา skill-play และการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างหนักมาก พลาดนิดเดียวนี่เกมพลิกได้เลย เพราะการแพ้ชนะนั้นขึ้นอยู่กับว่าหอคอยใครจะแตกก่อนกัน ฉะนั้น ผู้เล่นต้อง performance ได้ดีทั้งเกมรุกและเกมรับ และที่ว่าดีเนี่ยต้องดีทุกคนด้วยนะถึงจะมีโอกาสชนะขาดได้ แนะนำให้หาทีมที่เล่นเป็น หรือเพื่อนที่คุยกันได้จะดีกว่าสำหรับโหมดนี้

3. Death Match

โหมดการเล่น 4v4 ที่ต้องทำแต้มโดยการ kill ฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายไหนได้ score 25 แต้มก่อนเป็นฝ่ายชนะ โดยเริ่มเกมมาทั้ง 2 ทีมจะมีแต้มอยู่ที่ 0 หากยิงอีกทีมตายได้ก็จะได้แต้มบวก ในขณะที่อีกฝ่ายจะติดลบ และแน่นอนว่าถ้าไปถึง -25 ล่ะก็เป็นอันแพ้ไปนั่นเอง

แต้มที่จะได้จากการ kill แบ่งเป็น 3 ช่วง

โดยช่วงแรก 1 kill จะเท่ากับ 1 แต้ม เป็นระยะเวลา 60 วินาที

รอบต่อมา 1 kill = 2 แต้ม เป็นระยะเวลา 90 วินาที

และช่วงสุดท้าย 1 kill = 3 แต้ม เป็นเวลา 60 วินาที

เมื่อ 60 วินาทีสุดท้ายนับถอยหลังจนครบแล้ว ทีมให้มีแต้มมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเราสามารถดันแต้มกันไปมาได้ตลอดระยะเวลาที่เกมให้มา ไม่ได้ชนะที่จำนวน kill เหมือนเกมแนว FPS นั่นเอง

>> ในโหมดนี้เราสามารถใส่นัวกันได้ตั้งแต่ต้นเกม ฉะนั้น ให้เราคำนวณจำนวน Burst กระสุนที่มีให้ดี ว่าจะเอาไปฟาร์มหรือ kill ในแต่ละจังหวะของการเล่น ถ้าหากมีโอกาสฟาร์มน้อยและตัวละครยังไม่เก่งพอจะปะทะ แนะนำว่า "อย่าแจกแต้ม" ก็พอ ให้โจมตีในจังหวะที่มีโอกาสชนะจะดีกว่า

>> ช่วงแรกของเกม อาจจะไม่จำเป็นต้องเร่งปั่นแต้มก็ได้ เอาเวลาไปฟาร์มกล่องของขวัญให้ฮีโร่เราเก่งไวๆ มีสกิลครบๆ  ก่อน ส่วนช่วงที่น่าทำคะแนนมากที่สุดคือช่วงที่ 2 เพราะมีระยะเวลายาวนานและได้ถึง 2 แต้ม ถ้าเร่งทำให้นำทีมตรงข้ามไปได้ไกลๆ จะสร้างความได้เปรียบให้เราได้สูง และแน่นอนว่าในช่วงสุดท้ายจะใส่กันเดือดแน่นอน ให้บริหารกระสุนและสกิลให้เหมาะสม kill ไม่ได้อย่างน้อยก็อย่าตายให้เขาได้แต้ม แค่นี้ก็รอเวลาหมดก็ชนะไปแบบงามๆ แล้ว

4. Superstar

โหมดการเล่น 4v4 ที่เราต้องสะสมดาวให้ครบ 50 ดวงจึงจะถือเป็นทีมที่ชนะ โดยดาวที่เราต้องเก็บนั้นจะ summon ขึ้นมาใกล้กับ Superstar หรือดาวสีเงินดวงใหญ่ ที่จะเกิดและคงอยู่ตามระยะเวลาที่กำหนด

ในตอนเริ่มเกม เราจะมีเวลา 20 วินาทีก่อนที่ Superstar ดวงแรกจะเกิด แนะนำว่าหากไม่มีกล่องของขวัญกล่องใหญ่ที่คนในทีมจะช่วยกันยิงแล้วแบ่งแต้มสกิลได้ ก็อย่าเสียเวลาฟาร์มของเลย เก็บกระสุนไว้แล้วไปจ่อกลางแมพเตรียมเก็บ Superstar ดีกว่า เพราะเวลาที่สั้นขนาดนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เลเวลจะอัพและได้สกิลที่ 2 มา (ยกเว้นแย่งแต้มกล่องของขวัญอันใหญ่มาเป็นของเราคนเดียว) เมื่อใกล้ถึงเวลา Superstar เกิด ให้รีบไปยังจุดที่ดาวเกิดพร้อมสกัดดาวรุ่งทีมตรงข้ามอย่างเต็มกำลังเพื่อไม่ให้ทีมนั้นครอบครอง Superstar ได้

ผู้เล่นสามารถเก็บ Superstar มาไว้ที่ตัวเองแล้วพาไปยังตำแหน่งอื่นในแมพได้ตามใจชอบ โดยแต่ละรอบ Superstar จะมีระยะเวลา 60 วินาที และจะเสกดาวทองสำหรับทำแต้มประมาณ 10 ครั้งต่อรอบ ซึ่งจำนวนดาวทองที่เสกออกมาก จะเพิ่มจำนวนไปตามรอบ โดยรอบแรกจะเสกทีละ 2 ดวง รอบที่สองเพิ่มเป็น 3 ดวง และต่อไปคราวละ 5 ดวงตามลำดับ แต่ถ้าหากหลังจากดาวเกิดสักระยะแล้วไม่มีใครมาเก็บแต้มดาวทองก็จะหายไปนะ ระวังด้วยล่ะ

>> แนะนำว่า หากเราทีมได้ Superstar มาไว้ในมือล่ะก็ ให้รีบถอยกลับฐานหรือจุดที่ทีมสามารถรวมตัวและป้องกันคนที่ถือ Superstar ได้ จากนั้นหลบให้ห่างจากทิศทางที่ศัตรูเข้ามาให้มากที่สุด ไม่ต้องหวงดาวที่เสกออกมาเพราะเพื่อนที่ cover เราอาจจะอยู่ในทิศทางที่วิ่งไปเก็บแทนได้ แต่ถ้า Superstar หลุดมือไปแล้วอยู่กับทีมตรงข้ามเมื่อไหร่นั่นแหละปัญหาใหญ่ทันที

>> ส่วนถ้าเพื่อนในทีมเป็นคนถือ Superstar ให้เราสวมบท Bodyguard ปกป้องเพื่อนอย่างเต็มกำลัง หากมีโอกาสช่วยเก็บดาวได้ก็เก็บเพื่อที่คนถือ Superstar จะได้มีเวลาไปฮีลหรืออัพสกิลเอาตัวรอดเพิ่ม หากเข้าตาจนและเพื่อนที่ถือ Superstar ตาย เราและคนอื่นในทีมก็ต้องเตรียมพร้อมรับช่วงต่อทันที เพื่อให้แต้มเกิดกับเราอย่างไม่ขาดตอน

>> กลับกัน หาก Superstar ไปอยู่ในมือทีมตรงข้าม แนะนำให้ยกพวกไปถล่ม ณ จุดที่ Superstar อยู่ สังเกตได้จากในมินิแมพเลย อย่าเสียเวลากับศัตรูคนอื่นจนมากเกินไปเพราะเราอาจจะตายฟรีและสร้างความลำบากให้เพื่อนร่วมทีม อีกเหตุผลหนึ่งที่ให้ไปอยู่ใกล้ Superstar ก็เพื่อขโมยแต้มที่เสกออกมาด้วยนั่นเอง ถึง Superstar ไม่ใช่ของเรา อย่างน้อยเราทำแต้มได้เรื่อยๆ ก็ยังดี อีกทีมก็จะชนะยากขึ้นด้วยไง!!

เอาเข้าจริงโหมดนี้ถ้าไม่รู้งานก็ต้องรู้ใจกันพอสมควร ส่วนใหญ่ที่จะเจ๊งก็เพราะมีเพื่อนวิ่งแยกไปนี่แหละ อาจเพราะบางคนหวงการฟาร์มสกิลมากจนเกินไปก็ทำให้ทีมเสียเวลาและเสียแต้มเปล่าไปเยอะมาก แต่ถ้าทีมเกาะกลุ่มกัน ผลัดกันยิงศัตรูเสร็จช่วยกันฟาร์มต่อแล้วค่อยๆ เติบโตไปพร้อมกัน มักจะมีโอกาสชนะมากกว่า แม้สกิลเลเวลจะน้อย ฉะนั้นโหมดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่ง แต่ขึ้นอยู่กับการจัดการบทบาทของสมาชิกทีมมากกว่านั่นเอง

======================================================

_+ แถมท้ายเล็กน้อย +_

- หากเรายังไม่คุ้นเคยกับฮีโร่หรือสกิล ให้เข้าไปในโหมด Practice เพื่อฝึกฝีมือก่อนได้ โดยความพิเศษของโหมดนี้คือเราสามารถลองฮีโร่ได้ ทุกตัว แม้เราจะไม่มีฮีโร่ตัวนั้นในครอบครองก็ตาม

- แผนที่ในการเล่นทุกโหมด (ยกเว้น Battle Royale) จะมีการรีเซ็ตเรื่อยๆ ทำให้บางครั้งทีมเราอาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำคะแนนบ้าง แต่ถ้าใครใช้เวลาเล่นเยอะๆ เจอด่านหลากหลาย ก็อาจจะคุ้นเคยกับแมพทุกรูปแบบได้ไม่ยาก

- ไม่ว่าในโหมดใดก็ตาม เราควรจำให้ได้ว่า ฮีล อยู่ตรงไหน (ทั้งของฝั่งเราและฝั่งตรงข้าม) เพราะในสถานการณ์คับขันเราจะได้ยื้อชีวิตได้ แค่วินาทีเดียวก็อาจเปลี่ยนเป็น kill อีกฝ่ายก็ได้นะใครจะไปรู้ และอีกเทคนิคหนึ่งที่ผู้เล่น Thetan Arena ทุกคนควรมี ก็คือการบริหารจัดการวิธีโจมตีของฮีโร่ที่เราเลือกนั่นเอง ควรจำให้ได้ว่าการรีโหลดกระสุนในแต่ละลูกจะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ และระยะเวลา 35 วินาทีที่สกิลกำลังคูลดาวน์เราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เชื่อว่าหากเล่นจนคุ้นเคยโอกาสที่เราจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะมากขึ้นด้วยจ้า~