GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
[แนะนำเกม] TUNIC แรงบันดาลใจจาก Zelda และเกมโซล สู่ผู้เข้าชิงรางวัลเกมอินดี้แห่งปี 2022
ลงวันที่ 16/12/2022

ท่ามกลางศึกของการแก่งแย่งรางวัล Game of the Year ระหว่างสองเกมยักษ์ใหญ่ Elden Ring และ God of War Ragnarok นั้น จะมีเกมไหนที่เล็ดลอดสายตาไปบ้าง ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด แต่สำหรับเกมที่เราจะนำมาพูดถึงกันในวันนี้ เป็นเกมที่หลายคนอาจจะสงสัย หรือไม่รู้ว่ามันออกมาตอนไหน และถ้าเราบอกว่านี่คือ Elden Ring ผสมกับ The Legend of Zelda ที่ถูกนำในเสนอแบบน่ารักน่าชังและเน้นการนำเสนอแบบมีเอกลักษณ์อย่างมาก วันนี้เราขอหยิบยกเอา TUNIC มาแนะนำให้ได้รู้จักกัน

ผลงานเกมอินดี้คุณภาพที่ใช้เวลาเตรียมพร้อมมานานกว่า 6 ปีเต็ม


TUNIC เดิมทีเคยใช้ชื่อ Secret Legend เริ่มต้นพัฒนาจากฝีมือของ Andrew Shoulderce ที่เคยเป็นหนึ่งในนักพัฒนาของเกมของ Silberback Productions มาก่อน และทำเกมนี้เป็นงานอดิเรก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจลาออกจากงานหลัก มาทำตามความฝันในการทำเกมนี้ และแรงบันดาลใจของเกมนี้ก็ชัดเจนว่าได้มาจาก The Legend of Zelda อย่างแรกที่ชัดเจนเลยคือคู่มือแนะนำเกมของ Nintendo ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเกมนี้ในฐานะคู่มือการเล่นผสมกับระบบแผนที่ต่าง ๆ 

ในระหว่างที่เขาลุยพัฒนาเกมนี้ด้วยตัวคนเดียวในตอนแรก ผลงานของเขาก็ไปเข้าตากับ Publisher อย่าง Finji ที่เป็นบริษัทรับจัดจำหน่ายเกม โดย Finji เสนอเงื่อนไขจะช่วยเผยแพร่เกมของเขา และจะช่วยปรับแต่งและปรับปรุงตัวเกม ตัวเกมได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน PC Gaming Show เมื่อปี 2017 ภายใต้ชื่อ Secret Legend ก่อนจะประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น TUNIC ในภายหลัง และจะลงให้กับเครื่อง Xbox One ควบคู่ไปกับ PC ด้วย


Andrew เผยว่า ไม่แปลกใจที่ตัวเกมจะดูผ่าน ๆ แล้วเหมือน Zelda แต่ใครที่ได้ลองเล่น หรือตัวเกมเต็ม ๆ นั้น มีรูปแบบการต่อสู้ที่หลากหลายกว่า และมันเป็นเกมที่พัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี ถ้านับช่วงเวลาก่อนที่จะเกือบวางขายก็เป็นเวลาเกือบ 7 ปีเลยทีเดียว โดยตัวเกมนั้นมีบรรยากาศและแรงบันดาลใจหลายอย่างที่เหมือนกับ Zelda แต่หากใครที่เคยเล่นมาแล้วจะรู้ดีว่า หากเทียบกับเกมยุคใหม่ มันก็เหมือนกับเกม Souls-Like ดี ๆ นี่เอง

ความยากที่แฝงมาภายใต้ความน่ารัก


แม้ว่ากราฟิกภายในเกมจะดูน่ารักสดใส จากการที่ตัวเอกของเกมคือเจ้าจิ้งจอกส้มสุดน่ารัก แต่เกมนี้ไม่ใช่เกมง่าย มันอาจจะไม่ได้ยากถึงขั้นเกมตระกูลโซลจาก From Software ขนาดนั้น ภายในเกมนี้มีระบบหลายอย่างที่คนเล่นเกมโซลจะเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Stamina การคลำหาเส้นทางในฉากหรือแผนที่ แต่สิ่งที่เกมนี้มีเอกลักษณ์มากกว่าเกมอื่น ๆ คือระบบทั้งหมดนี้ โดยเฉพาะระบบคู่มือการเล่น ถือว่าแปลกใจได้มาก แทนที่คู่มือสอนเล่นจะถูกประกอบให้จนครบมาตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม เพื่อให้ผู้เล่นเข้าใจ แต่ในเกมนี้ แม้ว่าวิธีการเล่นเบื้องต้น เราจะเข้าใจได้เองแล้ว แต่การตามหาคู่มือสอนเล่นให้ครบ อาจจะเป็นเบาะแสชี้ให้เรารู้ถึงวิธีการผ่านด่านต่าง ๆ หรือวิธีการไปหาไอเทมลับ หรือไอเทมพิเศษ มันเป็นการออกแบบเกมที่พบกันครึ่งทาง ระหว่างผู้เล่นที่ชอบสำรวจด้วยตัวเอง กับคนที่ขี้เกียจจะหาด้วยตัวเองได้ลงตัวมาก ๆ 


บางครั้งเราเล่นเกมไปไกลมากแล้ว จนไปพบเจอเศษคู่มือ เราถึงได้รู้ว่าจุดนี้มันมีไอเทมซ่อนอยู่ แถมเกมไม่ได้บอกเราตรง ๆ ด้วย แต่จะเป็นการมาร์คเครื่องหมายในจุดนั้น ๆ ให้เราได้รู้เองว่าตรงนี้มีไอเทมซ่อนอยู่ เราต้องไปหาด้วยตัวเองถึงจะได้มา ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ในเกมนี้เลย

และไฮไลท์สำคัญที่ผู้เขียนชื่นชอบมาก ๆ ในเกมนี้ คือเรื่องของระบบการต่อสู้ ระบบการต่อสู้ของเกมนี้ใครที่เคยเล่นเกมโซล หรือเกม Zelda ภาคเก่า ๆ มา จะทำความเข้าใจได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี การป้องกัน การบล็อกหลบ การ Parry ทุกอย่างจะคล้ายคลึงกันอย่างมากจนหลายคนแทบไม่ต้องเรียนรู้ระบบการต่อสู้ แค่ปรับตัวให้ชินกับเกมนี้ก็เพียงพอแล้ว ที่เจ๋งไม่แพ้กันคือเรื่องของการดีไซน์แผนที่ เกมนี้ใช้การนำเสนอมุมมองแผนที่แบบไอโซเมตริก หรือมองจากด้านบนลงมา แม้ว่าจะมีปัญหาอยู่บ้างในแง่ของการเดินเข้าเหลี่ยมมุมแผนที่ แต่ภาพรวมของมันก็ยังดูดีมาก มันทำให้ความลับ หรือจุดเก็บไอเทมต่าง ๆ น่าค้นหา และชวนให้ผู้เล่นพยายามออกสำรวจและค้นหามันให้เจอมากยิ่งขึ้น แถมบางช่วงยังมีการสลับมุมมองไปเป็นแบบ Tow-Down ในช่วงของการต่อสู้


และที่ยิ่งทำให้มันเหมือนเกมซีรีส์โซลมากขึ้นไปอีก คือรูปแบบการเล่าเรื่องและการนำเสนอของเกม ที่จะไม่เล่าเรื่องแบบเป็นเส้นตรง บทสนทนา เอกสาร สถานที่ ฉากต่าง ๆ จะเป็นภาษาแปลก ๆ ที่เราอ่านไม่เข้าใจ ผู้เล่นจะต้องคอยตีความเอาเองว่าในส่วนนี้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ หรืออ่านเอาจากคู่มือหลังจากเก็บเศษคู่มือมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว

แม้ว่านี่จะเป็นเกมอินดี้ขนาดเล็กที่มีจุดเริ่มต้นจากผู้สร้างเพียงคนเดียวเหมือนกับหลาย ๆ เกมอินดี้ แต่ TUNIC นั้น กลายเป็นอีกเกมม้ามืดประจำปีที่มีความสนุก ความท้าทาย และงานออกแบบที่มีทั้งความเคารพและจิตวิญญาณของตัวเองอยู่ในเกม แถมช่วงเวลาที่เกมออก ยังเป็นช่วงที่ Elden Ring ยังคงกระแสความนิยมไว้ หากจะบอกว่านี่คือ Elden Ring ผสมกับ The Legend of Zelda ก็คงไม่เกินเลยไปนัก และข่าวดีสำหรับคนที่อ่านบทความนี้จนจบแล้ว รู้สึกอยากเล่นขึ้นมา เกมนี้มีให้บริการบนระบบ Xbox Game Pass / PC Game Pass ด้วย ลองไปหาคำตอบด้วยตัวเอง แล้วคุณอาจจะเข้าใจว่าทำไมเกมนี้ จึงเป็นเกมที่คู่ควรกับการเข้าชิงรางวัลเกมอินดี้แห่งปี แม้ว่าสุดท้ายเกมมันจะไม่ได้คว้ารางวัลอะไรกลับไปเลยก็ตาม



GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[แนะนำเกม] TUNIC แรงบันดาลใจจาก Zelda และเกมโซล สู่ผู้เข้าชิงรางวัลเกมอินดี้แห่งปี 2022
16/12/2022

ท่ามกลางศึกของการแก่งแย่งรางวัล Game of the Year ระหว่างสองเกมยักษ์ใหญ่ Elden Ring และ God of War Ragnarok นั้น จะมีเกมไหนที่เล็ดลอดสายตาไปบ้าง ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด แต่สำหรับเกมที่เราจะนำมาพูดถึงกันในวันนี้ เป็นเกมที่หลายคนอาจจะสงสัย หรือไม่รู้ว่ามันออกมาตอนไหน และถ้าเราบอกว่านี่คือ Elden Ring ผสมกับ The Legend of Zelda ที่ถูกนำในเสนอแบบน่ารักน่าชังและเน้นการนำเสนอแบบมีเอกลักษณ์อย่างมาก วันนี้เราขอหยิบยกเอา TUNIC มาแนะนำให้ได้รู้จักกัน

ผลงานเกมอินดี้คุณภาพที่ใช้เวลาเตรียมพร้อมมานานกว่า 6 ปีเต็ม


TUNIC เดิมทีเคยใช้ชื่อ Secret Legend เริ่มต้นพัฒนาจากฝีมือของ Andrew Shoulderce ที่เคยเป็นหนึ่งในนักพัฒนาของเกมของ Silberback Productions มาก่อน และทำเกมนี้เป็นงานอดิเรก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจลาออกจากงานหลัก มาทำตามความฝันในการทำเกมนี้ และแรงบันดาลใจของเกมนี้ก็ชัดเจนว่าได้มาจาก The Legend of Zelda อย่างแรกที่ชัดเจนเลยคือคู่มือแนะนำเกมของ Nintendo ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเกมนี้ในฐานะคู่มือการเล่นผสมกับระบบแผนที่ต่าง ๆ 

ในระหว่างที่เขาลุยพัฒนาเกมนี้ด้วยตัวคนเดียวในตอนแรก ผลงานของเขาก็ไปเข้าตากับ Publisher อย่าง Finji ที่เป็นบริษัทรับจัดจำหน่ายเกม โดย Finji เสนอเงื่อนไขจะช่วยเผยแพร่เกมของเขา และจะช่วยปรับแต่งและปรับปรุงตัวเกม ตัวเกมได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน PC Gaming Show เมื่อปี 2017 ภายใต้ชื่อ Secret Legend ก่อนจะประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น TUNIC ในภายหลัง และจะลงให้กับเครื่อง Xbox One ควบคู่ไปกับ PC ด้วย


Andrew เผยว่า ไม่แปลกใจที่ตัวเกมจะดูผ่าน ๆ แล้วเหมือน Zelda แต่ใครที่ได้ลองเล่น หรือตัวเกมเต็ม ๆ นั้น มีรูปแบบการต่อสู้ที่หลากหลายกว่า และมันเป็นเกมที่พัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี ถ้านับช่วงเวลาก่อนที่จะเกือบวางขายก็เป็นเวลาเกือบ 7 ปีเลยทีเดียว โดยตัวเกมนั้นมีบรรยากาศและแรงบันดาลใจหลายอย่างที่เหมือนกับ Zelda แต่หากใครที่เคยเล่นมาแล้วจะรู้ดีว่า หากเทียบกับเกมยุคใหม่ มันก็เหมือนกับเกม Souls-Like ดี ๆ นี่เอง

ความยากที่แฝงมาภายใต้ความน่ารัก


แม้ว่ากราฟิกภายในเกมจะดูน่ารักสดใส จากการที่ตัวเอกของเกมคือเจ้าจิ้งจอกส้มสุดน่ารัก แต่เกมนี้ไม่ใช่เกมง่าย มันอาจจะไม่ได้ยากถึงขั้นเกมตระกูลโซลจาก From Software ขนาดนั้น ภายในเกมนี้มีระบบหลายอย่างที่คนเล่นเกมโซลจะเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Stamina การคลำหาเส้นทางในฉากหรือแผนที่ แต่สิ่งที่เกมนี้มีเอกลักษณ์มากกว่าเกมอื่น ๆ คือระบบทั้งหมดนี้ โดยเฉพาะระบบคู่มือการเล่น ถือว่าแปลกใจได้มาก แทนที่คู่มือสอนเล่นจะถูกประกอบให้จนครบมาตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม เพื่อให้ผู้เล่นเข้าใจ แต่ในเกมนี้ แม้ว่าวิธีการเล่นเบื้องต้น เราจะเข้าใจได้เองแล้ว แต่การตามหาคู่มือสอนเล่นให้ครบ อาจจะเป็นเบาะแสชี้ให้เรารู้ถึงวิธีการผ่านด่านต่าง ๆ หรือวิธีการไปหาไอเทมลับ หรือไอเทมพิเศษ มันเป็นการออกแบบเกมที่พบกันครึ่งทาง ระหว่างผู้เล่นที่ชอบสำรวจด้วยตัวเอง กับคนที่ขี้เกียจจะหาด้วยตัวเองได้ลงตัวมาก ๆ 


บางครั้งเราเล่นเกมไปไกลมากแล้ว จนไปพบเจอเศษคู่มือ เราถึงได้รู้ว่าจุดนี้มันมีไอเทมซ่อนอยู่ แถมเกมไม่ได้บอกเราตรง ๆ ด้วย แต่จะเป็นการมาร์คเครื่องหมายในจุดนั้น ๆ ให้เราได้รู้เองว่าตรงนี้มีไอเทมซ่อนอยู่ เราต้องไปหาด้วยตัวเองถึงจะได้มา ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ในเกมนี้เลย

และไฮไลท์สำคัญที่ผู้เขียนชื่นชอบมาก ๆ ในเกมนี้ คือเรื่องของระบบการต่อสู้ ระบบการต่อสู้ของเกมนี้ใครที่เคยเล่นเกมโซล หรือเกม Zelda ภาคเก่า ๆ มา จะทำความเข้าใจได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี การป้องกัน การบล็อกหลบ การ Parry ทุกอย่างจะคล้ายคลึงกันอย่างมากจนหลายคนแทบไม่ต้องเรียนรู้ระบบการต่อสู้ แค่ปรับตัวให้ชินกับเกมนี้ก็เพียงพอแล้ว ที่เจ๋งไม่แพ้กันคือเรื่องของการดีไซน์แผนที่ เกมนี้ใช้การนำเสนอมุมมองแผนที่แบบไอโซเมตริก หรือมองจากด้านบนลงมา แม้ว่าจะมีปัญหาอยู่บ้างในแง่ของการเดินเข้าเหลี่ยมมุมแผนที่ แต่ภาพรวมของมันก็ยังดูดีมาก มันทำให้ความลับ หรือจุดเก็บไอเทมต่าง ๆ น่าค้นหา และชวนให้ผู้เล่นพยายามออกสำรวจและค้นหามันให้เจอมากยิ่งขึ้น แถมบางช่วงยังมีการสลับมุมมองไปเป็นแบบ Tow-Down ในช่วงของการต่อสู้


และที่ยิ่งทำให้มันเหมือนเกมซีรีส์โซลมากขึ้นไปอีก คือรูปแบบการเล่าเรื่องและการนำเสนอของเกม ที่จะไม่เล่าเรื่องแบบเป็นเส้นตรง บทสนทนา เอกสาร สถานที่ ฉากต่าง ๆ จะเป็นภาษาแปลก ๆ ที่เราอ่านไม่เข้าใจ ผู้เล่นจะต้องคอยตีความเอาเองว่าในส่วนนี้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ หรืออ่านเอาจากคู่มือหลังจากเก็บเศษคู่มือมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว

แม้ว่านี่จะเป็นเกมอินดี้ขนาดเล็กที่มีจุดเริ่มต้นจากผู้สร้างเพียงคนเดียวเหมือนกับหลาย ๆ เกมอินดี้ แต่ TUNIC นั้น กลายเป็นอีกเกมม้ามืดประจำปีที่มีความสนุก ความท้าทาย และงานออกแบบที่มีทั้งความเคารพและจิตวิญญาณของตัวเองอยู่ในเกม แถมช่วงเวลาที่เกมออก ยังเป็นช่วงที่ Elden Ring ยังคงกระแสความนิยมไว้ หากจะบอกว่านี่คือ Elden Ring ผสมกับ The Legend of Zelda ก็คงไม่เกินเลยไปนัก และข่าวดีสำหรับคนที่อ่านบทความนี้จนจบแล้ว รู้สึกอยากเล่นขึ้นมา เกมนี้มีให้บริการบนระบบ Xbox Game Pass / PC Game Pass ด้วย ลองไปหาคำตอบด้วยตัวเอง แล้วคุณอาจจะเข้าใจว่าทำไมเกมนี้ จึงเป็นเกมที่คู่ควรกับการเข้าชิงรางวัลเกมอินดี้แห่งปี แม้ว่าสุดท้ายเกมมันจะไม่ได้คว้ารางวัลอะไรกลับไปเลยก็ตาม



บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header