เมื่อพูดถึง Capcom แล้ว แฟนเกมยุคนี้อาจจะนึกถึงแฟรนไชส์เกมชื่อดังอย่าง Monster Hunter, Resident Evil และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ย้อนเวลากลับไปกว่า 30 ปีที่แล้ว มีอีกหนึ่งตัวละครที่ถือว่าเป็นสุดยอดนินจาอีกคนที่เกิดขึ้นภายใต้การร่วมมือกันของ Capcom และผู้ออกแบบอย่าง Moto Kikaku ซึ่งเชื่อว่าแฟนเกมจะต้องเคยเห็นหน้าตากันบ้าง เพราะเกมภาคล่าสุด ก็ยังไม่ได้เก่าจนเกินไป แถมเขายังมามีบทบาทในอีกหลาย ๆ เกมของ Capcom อีกด้วย แต่เขาอาจจะเป็นนินจาที่ถูกลืม นามของเขาคือ Strider Hiryu

จุดกำเนิดยอดนินจา 

Strider Hiryu เป็นตัวละครที่ออกแบบโดย Moto Kikaku และเป็นเจ้าของร่วมกันกับทาง Capcom แต่เบื้องต้น การปรากฎตัวของเขานั้น ไม่ใช่บนวิดีโอเกม แต่เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นในชื่อเรื่อง Strider Hiryu ชื่อเดียวกันกับชื่อเขา โดยมีสำนักพิมพ์ชื่อดังอย่าง Kadokawa Shoten รับหน้าที่จัดจำหน่าย ก่อนที่เขาจะไปมีเกมของตัวเองในปี 1989 ก่อนจะค่อย ๆ ขยับขยายเข้าไปมีบทบาทในเกมต่าง ๆ ของทาง Capcom และถูกนับให้เป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้น ๆ ของค่าย และเป็นตัวละครสายนินจาเพียงไม่กี่ตัวที่โด่งดังข้ามกาลเวลามานานขนาดนี้

ผู้สร้างได้ให้ข้อมูลปูมหลังของเขาไว้ว่า Strider Hiryu เป็นสมาชิกมากฝีมือของกลุ่มทหารรับจ้างจากองค์กรนินจาไฮเทคที่ชื่อ Striders โดยเป็นการรวมตัวกันของเหล่าสมาชิกที่รับหน้าที่ปฏิบัติการลับ ทั้งการจารกรรม ก่ออาชญากรรม วินาศกรรมต่าง ๆ อาวุธของ Hiryu ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเลยคือ Cypher ที่เป็นดาบพลาสม่าพลังงานสูงและยังมีหุ่นยนต์คอยช่วยเหลืออีก 3 ตัวด้วยกัน 

ในช่วงที่ Strider Hiryu ถูกหยิบมาทำเป็นเกมนั้น ผู้วางแผนการพัฒนาเกมอย่าง Kouichi Yotsui เผยว่าตอนแรกมันจะเป็นการแบ่งกันสร้าง โดย Kikaku จะไปทำส่วนของการ์ตูน และ Capcom จะมาทำเกม โดยมีทั้งสองเวอร์ชั่น คือเวอร์ชั่นตู้เกม Arcade ที่ต้องหยอดเหรียญเล่น และเวอร์ชั่นคอนโซลที่ลงให้กับเครื่อง NES และยังมีเวอร์ชั่นมังงะหรือหนังสือการ์ตูนอีกด้วย

สองเส้นทางที่แตกต่างของมังงะและวิดีโอเกม

สำหรับมังงะนั้น ตีพิมพ์ในช่วงปี 1988 โดยมีเนื้อเรื่องอยู่ในโลกยุคอนาคตปี 2048 ว่าด้วยเรื่องของฮิริวที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในมองโกเลีย แต่แล้วเพื่อนสนิทของเขาก็ถูกจับโดยศัตรูกลุ่มใหม่ จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องออกมาช่วยเหลือ และเรื่องราวบานปลายไปจนถึงอาวุธควบคุมจิตใจและโครงการยึดครองโลกขององค์กรร้าย ซึ่งก็ตามสเต็ปมังงะยุคเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือมังงะยุคปี 80

ในขณะที่ด้านวิดีโอเกมนั้น อย่างที่เราได้กล่าวไปว่ามันมีสองเวอร์ชั่น คือเครื่อง NES และตู้ Arcade โดยหยิบเอาเวอร์ชั่นมังงะมาดัดแปลง แต่ที่แตกต่างไปเลยคือเวอร์ชั่นตู้ Arcade ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เวอร์ชั่นนี้ฮิริวจะได้รับภารกิจลอบสังหารหัวหน้ากลุ่มเอเลี่ยนที่เข้าควบคุมกองทัพทั้งหมดของโลกแทน แถมยังมีเกมภาค 2 ตามออกมาด้วยในปี 1999 (เว้นช่วงห่างจากภาคแรกเกือบ 10 ปีเต็ม) ที่หัวหน้ากลุ่มเอเลี่ยนฟื้นคืนชีพขึ้นมา และยึดครองโลกอีกครั้ง และแน่นอน ลำบากฮิริวต้องไปสู้อีกครั้ง..ถ้าใครอ่านพล็อตแล้วรู้สึกว่ามันซ้ำซากมาก ก็อย่าลืมว่านี่คือการ์ตูนและเกมในยุคปี 1980 นั่นเอง

'STRIDER'` เกมเวอร์ชั่นปี 2014 ที่สนุกมาก แต่ไม่ได้รับการสานต่อ

เชื่อว่าผู้อ่านหลายคน น่าจะต้องผ่านหูผ่านตา Strider เวอร์ชั่นนี้กันมากที่สุดแล้ว เพราะสำหรับผู้เขียน นี่คือ Strider ภาคที่สนุกมากที่สุด ด้วยความใหม่ของมัน และระบบการเล่นแบบ Action 2D Side Scrolling ผสมผสานกับ Hack & Slash รวมไปถึงมีกราฟิกที่ดึงดูดใจไม่ใช่น้อย โดยตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ออกมาในปี 2014 และได้ Double Helix Games มารับหน้าที่ในการพัฒนา ลงให้กับเครื่อง PC, PS3, PS4, Xbox 360 และ Xbox One ในปี 2014

สำหรับเรื่องราวในตัวเกมภาคนี้ จะบอกว่ามันคือการ Reboot เล่าเรื่องใหม่อีกครั้งก็ได้ เพราะเนื้อเรื่องก็ยังคงเหมือนเกมต้นฉบับ คือองค์กรสไตรเดอร์ได้ส่ง สไตรเดอร์ ฮิริว ไปปราบจอมวายร้ายอย่างปรมาจารย์เมโอ ที่อยู่ในมหานครคาซัคซิตี้ ฉากหลังเมืองก็ญังเป็นเมืองคาซัคเหมือนกันกับเกมต้นฉบับอีกอยู่ดี ถือเป็ฯการยกเครื่องเกม Strider เลยก็ว่าได้ หลังจากสองภาคแรกเป็น Arcade ตะลุยด่าน แต่เกมนี้จะเป็ฯแนว Action Platformer แทน และมีความเป็น Metroidvania เข้ามาเอี่ยวด้วย

ธรรมดาชื่อของมันก็ยอดนิยมมาตั้งแต่ 1980 อยู่แล้ว การกลับมาในรอบนี้ก็ถือว่าเป็นการกลับมาในรอบ 25 ปีเลยทีเดียว แต่บังเอิญว่าในช่วงนั้น เกมแนว Retro / Metroidvania มันไม่ใช่เพิ่งบูม แต่มันมีหลายเกมกลับมาทำจน Strider นั้นมาช้าเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ได้รับคำวิจารณ์ในระดับกลาง ๆ ค่อนไปทางบวกจากสื่อต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากสิ่งที่ได้รับคำชมจริง ๆ คือการออกแบบโลกของเกมที่นำเอานินจาญี่ปุ่น มาผสมผสานเข้ากับโลกไซไฟได้อย่างลงตัว และยังทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้น และน่าติดตามขึ้นมาก เป็นการทำให้แฟรนไชส์มาสู่ยุคสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี และคอนเทนต์เกมก็สมราคามาก

เกมนี้มีความยอดเยี่ยมตรงที่ระบบการเล่นที่ลื่นไหลมาก ในแง่ของความเป็นเกม Action Side Scrolling และมีการนำเอาจุดเด่นของ Strider Hiryu มาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งอาวุธ ทั้งความสามารถ ธีมหลังที่เป็นนินจา ผสมผสานเข้ากับยุคไซไฟหุ่นยนต์ ศัตรูที่หลากหลาย และ Boss Fight ที่สนุกมาก ด้วยความเป็นเกม Metroidvania ผู้เล่นที่ช่างสำรวจ ช่างค้นหา จะได้รับรางวัลที่สมน้ำสมเนื้อ และทำให้เกมการเล่นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอัปเกรด Cypher ดาบพลาสม่าพลังงานสูงของเขา แม้ตัวเกมจะขายได้ดี ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก แต่นี่คือเกมสุดท้ายของซีรีส์ Strider ก่อนที่เราจะได้เห็นบทบาทของเขาเป็นเพียงแขกรับเชิญในเกมอื่น ๆ ของ Capcom เท่านั้น

ตำนานที่ถูกลืม และหลายคนเฝ้ารอให้กลับมา

หากนับจำนวนเกมที่เรากล่าวถึงไปด้านบนแล้ว จะเห็นว่า Strider Hiryu นั้น มีเกมของตัวเองเพียงแค่ 3 เกมหลัก ๆ เท่านั้น แต่เขากลับเป็นตัวละครที่ถูกนำไปรับเชิญในเกมอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะเกมต่อสู้ข้ามจักรวาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Marvel VS. Capcom Clash of Super Heroes, Marvel VS. Capcom 2 และ 3 รวมไปถึงภาคล่าสุดอย่าง Marvel VS. Capcom Infinite ด้วย ผู้เขียนชื่นชอบการปรากฎตัวใน Clash of Super Heroes เป็นพิเศษ เพราะเป็นอีกตัวละครที่เล่นได้สนุกมาก และเท่มากในตอนนั้น ด้วยรูปแบบการโจมตีทั้งใกล้ กลาง ไกล ครบเครื่องเลยทีเดียว แถมยังเคยไปปรากฎตัวในฐานะตัวละครข้ามค่ายอย่าง Project X Zone 2 ที่ร่วมมือกับทางซีรีส์ Shinobi ของ SEGA ด้วย

แต่นอกเหนือจากนั้น เขาก็มีบทบาทเป็นแขกรับเชิญเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเกม Capcom เกมอื่น ๆ และใน Street Fighter V ตัวละคร Zeku ยังสามารถแปลงร่างให้เหมือนกับ Strider ได้อย่างคล้ายคลึงกันด้วย และในเกมมือถือของ Capcom อย่าง Teppen เอง ก็ยังมีตัวละคร Strider Hiryu อยู่ นั่นหมายความว่า Capcom ไม่เคยลืมยอดนินจาที่ตัวเองมีอยู่ในอ้อมกอด ทำให้เรา ได้แต่หวังว่าสักวัน Strider จะกลับมาพร้อมภาคใหม่ หรือเป็นเกม Next-Gen ให้สมกับที่เขาหายไปอย่างยาวนานจนเกือบจะถูกลืม