แน่นอนว่าเกมแทบทุกเกมนั้นผู้เล่นสามารถเล่นโดยไม่ตายได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็อาจจะมีการตายกันบ้าง หรือบางคนอาจจะตายบ่อยๆ เพราะเกมสมัยนี้ถ้าหากเราตายก็สามารถไปเล่นที่จุด Checkpoint ได้ตลอด แต่บางครั้งก่อนที่เราจะกลับไปเริ่มต้นจุดนั้น ก็ต้องผ่านหน้าจอ Game Over หรือคัตซีน Game Over ก่อน ซึ่งบางเกมมันก็ไม่ม่อะไรกดข้ามได้เลย แต่บางเกมนี่สิทีมงานดันใส่ข้อความ ใส่ซาวด์ประกอบ ใส่บทสนทนาหรือใส่คัตซีนสุดแสนจะกวนปั่นปราสาทเอาไว้! ดังนั้นในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะขอพาทุกคนมาพบกับ 8 หน้าจอและคัตซีนสุดกวนชวนหัวร้อนในวีดีโอเกม!
ต้องบอกก่อนว่าเกม Friday The 13TH บนเครื่อง NES อาจจะดูไม่ได้โด่งดังมากนัก เพราะปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องของเกมเพลย์ที่ดูหยาบๆ ศัตรูที่ดูทื่อๆ รวมถึงซาวด์ประกอบเพลงพื้นหลังที่ดังซ้ำไป ซ้ำมาตลอดการเล่นเกม มันชวนหงุดหงิดมาก แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือตอนที่เราสู้กับเจสัน แล้วดันพลาดตายขึ้นมาหน้าจอ Game Over จะปรากฏขึ้นมาพร้อมคำว่า ' you and your friends are dead ' ( แกกับเพื่อนๆ ของแก ตายแล้ว ) แต่ประเด็นคือเรื่องนี้มันทำให้หลายๆ คนตกตะลึงเพราะทาง Nintendo พยายามเลี่ยงใช้พวกคำว่า ตายๆ มาตลอด นอกจากนี้มันยังชวนให้เรารู้สึกผิดอีกด้วยว่าถ้าเราตาย มันก็จะส่งผลกับเพื่อนๆ ของเราด้วย!
Donkey Kong อาจจะเป็นหนึ่งเกมสุดรักของหลายๆ คนเพราะนี่คืออีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่มีอายุยาวนานมากๆ ในวงการเกม แล้วยิ่ง Donkey Kong 64 นี้ยังถูกนำเสนอในรูปแบบ 3D อีกทำให้หลายๆ คนสนใจและนำมันมาเล่น แน่นอนว่าด้วยกราฟฟิคในยุคนั้นมันก็มีทั้งจุดที่ดีและแย่ปนๆ กันไป แต่จุดที่ชวนหัวร้อนและหงุดหงิดที่สุด นั่นก็คือฉากสุดท้ายที่ต้องสู้กับลาสบอสอย่าง King K. Rool โดยหากเรามา Game Over ในฉากนี้ เราจะต้องพบกับคัตซีน Game Over ที่ยาวนานถึง 40 วินาที โดย King K. Rool มันจะทำการกลับไปที่ถ้ำ พร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ และตามด้วยยิงเครื่องทำลายล้าง Blast-O-Matic ยิงไปที่เกาะ Donkey Kong ทีนี้ลองคิดดูว่าถ้าเราแพ้ตรงฉากนี้บ่อยๆ ก็เตรียมนั่งดูฉากเดิมๆ 40 วินาทีแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วกัน!
Duck Hunt เกมยิงในวัยเด็กตั้งแต่ยุคเครื่องเกมตลับ โดยเรายังสามารถใช้จอยปืนที่น่าตื่นตาตื่นใจในยุคนั้นมากๆ โดยรูปแบบเกมนี้ก็ง่ายๆ คือผู้เล่นจะต้องเล็งเป่าไปยังเป็ดที่มันบินออกมาเรื่อยๆ ซึ่งจุดนี้การยิงพลาด ยิงไม่โดนมันก็เป็นเรื่องปกติไม่น่าตกใจอะไรเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเรายิงพลาดหรือ Game Over ขึ้นมา มันจะมีเจ้าหมา Duck Hunt Dog ที่ชอบโผล่ออกมาหัวเราะเยาะผู้เล่น เห็นแล้วหมั่นไส้อยากปอจอยทิ้งมาก!
กลับมาที่อีกหนึ่งเกมของท่านเทพฮิเดโอะ โคจิมะ โดยในรอบนี้เราจะมาพบกับเกมแนวหุ่นยนต์ Action Sci-Fi โดยเกมนี้มีทั้งคนชอบ คนที่ซื้อเพราะชื่อผู้กำกับ และซื้อเพราะอยากที่จะเล่น Demo เกม Metal Gear Solid 2 ซึ่งตัวเกมมันก็ไม่ได้แย่ สนุกตามแบบฉบับเกมหุ่นยนต์ต่อสู้เลย แต่ประเด็นมันอยู่ที่ฉาก Game Over โดยหากผู้เล่นถูกบอสตัวใดตัวหนึ่งฆ่าตาย เราก็จะได้เห็นหน้า Game Over คล้ายๆ กับเกม Metal Solid แต่ประเด็นที่น่าหงุดหงิดคือ ระบบจะสุ่มข้อความสุดกวนต่างๆ มากมาย เช่น Stupid kid ( เจ้าเด็กโง่ ) / Silly you You really thought you could beat me ( เจ้าโง่ แกคิดจริงๆ หรอว่าจะชนะข้าได้! ) หรือว่า So eager to die ( อยากตายเหลือเกิน ) ซึ่งเราจะโดนปั่นปราสาทด้วยบทพูดนี้ตลอดเวลาที่ Game Over ท่านฮิเดโอะนี่แสบจริงๆ!
Sonic The Hedgehog ถือเป็นแฟรนไชส์เกมที่สนุก และไม่น่าจะมีฉาก Game Over กวนๆ ปั่นๆ ได้ แต่บอกเลยว่ามันใกล้เคียงมากๆ โดยแทบทุกภาคหากผู้เล่นอยู่ในด้านที่ต้องดำน้ำ และมีอากาศจำกัดต้องบอกเลยว่าในช่วงที่เราใกล้จะตายมันจะมีซาวด์ประกอบสุดบีบปราสาท เพลงที่ชวนให้เราหัวร้อนเพราะจังหวะมันจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามเลขนับถอยหลังบนหัวของตัวละคร และเมื่อเวลาเราก็จะเห็นท่าตายของโซนิคสำลักน้ำ ลองคิดดูว่าถ้าเห็นตัวละครที่เราชอบตายบ่อยๆ จะรู้สึกยังไง? ซึ่งซาวด์เกมมันทำลายสมาธิชนิดที่ว่ามีผู้เล่นหลายคนยอมปิดเสียงเกมเพื่อผ่านด่านนั้นกันเลย!
7.Jak & Daxter: The Precursor Legacy
Jak & Daxter ถือเป็นแฟรนไชส์อันดับต้นๆ ของ Naughty Dog โดย Jak & Daxter : The Precursor Legacy นับเป็นภาคที่หลายๆ คนหลงรักทั้งในส่วนของพล็อตคู่หู เนื้อเรื่อง เกมเพลย์ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือฉากที่ Jak ตัวละครหลักของผู้เล่นตายระหว่างการเล่นเกม เพราะจากตรงนี้จะเป็นฉากคัตซีน Game Over ที่ Daxter คู่หูของเราจะหงุดหงิดหัวร้อนแล้วเข้ามายืนเหนือร่างที่นอนตายอยู่ พร้อมกับบ่นสารพัดคำพูดเหน็บแนมสุดปั่น แต่หลายๆ คนก็ชอบในการใส่ฉากตลกร้ายนี้เขามา ในขณะเดียวกับผู้เล่นสายจริงจังที่เจอคัตซีนนี้เข้าไปก็ถึงกับหัวร้อนก็มี!
นอกจาก Scarface: The World Is Yours เกมฉบับปี 2006 จะเป็นเกมดัดแปลงจากภาพยนตร์ที่ดูเหมือนไม่ได้มีอะไรมากมายเพราะถูกจัดเป็นหนึ่งในเกมโคลน GTA แถมยังเป็นเกมที่ใช้คำว่า 'F**k' ได้เยอะสุดๆ แล้ว คำนี้ก็ยังไม่พ้นกับหน้าจอ Game Over ที่หากเราตายเมื่อไหร่ก็เตรียมโดนด่าได้เลย เพราะจะมีข้อความขึ้นมาว่า "You F***ed Up " ทำให้เรากำหมัด และบีบปราสาทการเล่นช่วงแรกๆ ได้พอสมควร
แน่นอนว่าเกมแทบทุกเกมนั้นผู้เล่นสามารถเล่นโดยไม่ตายได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็อาจจะมีการตายกันบ้าง หรือบางคนอาจจะตายบ่อยๆ เพราะเกมสมัยนี้ถ้าหากเราตายก็สามารถไปเล่นที่จุด Checkpoint ได้ตลอด แต่บางครั้งก่อนที่เราจะกลับไปเริ่มต้นจุดนั้น ก็ต้องผ่านหน้าจอ Game Over หรือคัตซีน Game Over ก่อน ซึ่งบางเกมมันก็ไม่ม่อะไรกดข้ามได้เลย แต่บางเกมนี่สิทีมงานดันใส่ข้อความ ใส่ซาวด์ประกอบ ใส่บทสนทนาหรือใส่คัตซีนสุดแสนจะกวนปั่นปราสาทเอาไว้! ดังนั้นในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะขอพาทุกคนมาพบกับ 8 หน้าจอและคัตซีนสุดกวนชวนหัวร้อนในวีดีโอเกม!
ต้องบอกก่อนว่าเกม Friday The 13TH บนเครื่อง NES อาจจะดูไม่ได้โด่งดังมากนัก เพราะปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องของเกมเพลย์ที่ดูหยาบๆ ศัตรูที่ดูทื่อๆ รวมถึงซาวด์ประกอบเพลงพื้นหลังที่ดังซ้ำไป ซ้ำมาตลอดการเล่นเกม มันชวนหงุดหงิดมาก แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือตอนที่เราสู้กับเจสัน แล้วดันพลาดตายขึ้นมาหน้าจอ Game Over จะปรากฏขึ้นมาพร้อมคำว่า ' you and your friends are dead ' ( แกกับเพื่อนๆ ของแก ตายแล้ว ) แต่ประเด็นคือเรื่องนี้มันทำให้หลายๆ คนตกตะลึงเพราะทาง Nintendo พยายามเลี่ยงใช้พวกคำว่า ตายๆ มาตลอด นอกจากนี้มันยังชวนให้เรารู้สึกผิดอีกด้วยว่าถ้าเราตาย มันก็จะส่งผลกับเพื่อนๆ ของเราด้วย!
Donkey Kong อาจจะเป็นหนึ่งเกมสุดรักของหลายๆ คนเพราะนี่คืออีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่มีอายุยาวนานมากๆ ในวงการเกม แล้วยิ่ง Donkey Kong 64 นี้ยังถูกนำเสนอในรูปแบบ 3D อีกทำให้หลายๆ คนสนใจและนำมันมาเล่น แน่นอนว่าด้วยกราฟฟิคในยุคนั้นมันก็มีทั้งจุดที่ดีและแย่ปนๆ กันไป แต่จุดที่ชวนหัวร้อนและหงุดหงิดที่สุด นั่นก็คือฉากสุดท้ายที่ต้องสู้กับลาสบอสอย่าง King K. Rool โดยหากเรามา Game Over ในฉากนี้ เราจะต้องพบกับคัตซีน Game Over ที่ยาวนานถึง 40 วินาที โดย King K. Rool มันจะทำการกลับไปที่ถ้ำ พร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ และตามด้วยยิงเครื่องทำลายล้าง Blast-O-Matic ยิงไปที่เกาะ Donkey Kong ทีนี้ลองคิดดูว่าถ้าเราแพ้ตรงฉากนี้บ่อยๆ ก็เตรียมนั่งดูฉากเดิมๆ 40 วินาทีแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วกัน!
Duck Hunt เกมยิงในวัยเด็กตั้งแต่ยุคเครื่องเกมตลับ โดยเรายังสามารถใช้จอยปืนที่น่าตื่นตาตื่นใจในยุคนั้นมากๆ โดยรูปแบบเกมนี้ก็ง่ายๆ คือผู้เล่นจะต้องเล็งเป่าไปยังเป็ดที่มันบินออกมาเรื่อยๆ ซึ่งจุดนี้การยิงพลาด ยิงไม่โดนมันก็เป็นเรื่องปกติไม่น่าตกใจอะไรเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเรายิงพลาดหรือ Game Over ขึ้นมา มันจะมีเจ้าหมา Duck Hunt Dog ที่ชอบโผล่ออกมาหัวเราะเยาะผู้เล่น เห็นแล้วหมั่นไส้อยากปอจอยทิ้งมาก!
กลับมาที่อีกหนึ่งเกมของท่านเทพฮิเดโอะ โคจิมะ โดยในรอบนี้เราจะมาพบกับเกมแนวหุ่นยนต์ Action Sci-Fi โดยเกมนี้มีทั้งคนชอบ คนที่ซื้อเพราะชื่อผู้กำกับ และซื้อเพราะอยากที่จะเล่น Demo เกม Metal Gear Solid 2 ซึ่งตัวเกมมันก็ไม่ได้แย่ สนุกตามแบบฉบับเกมหุ่นยนต์ต่อสู้เลย แต่ประเด็นมันอยู่ที่ฉาก Game Over โดยหากผู้เล่นถูกบอสตัวใดตัวหนึ่งฆ่าตาย เราก็จะได้เห็นหน้า Game Over คล้ายๆ กับเกม Metal Solid แต่ประเด็นที่น่าหงุดหงิดคือ ระบบจะสุ่มข้อความสุดกวนต่างๆ มากมาย เช่น Stupid kid ( เจ้าเด็กโง่ ) / Silly you You really thought you could beat me ( เจ้าโง่ แกคิดจริงๆ หรอว่าจะชนะข้าได้! ) หรือว่า So eager to die ( อยากตายเหลือเกิน ) ซึ่งเราจะโดนปั่นปราสาทด้วยบทพูดนี้ตลอดเวลาที่ Game Over ท่านฮิเดโอะนี่แสบจริงๆ!
Sonic The Hedgehog ถือเป็นแฟรนไชส์เกมที่สนุก และไม่น่าจะมีฉาก Game Over กวนๆ ปั่นๆ ได้ แต่บอกเลยว่ามันใกล้เคียงมากๆ โดยแทบทุกภาคหากผู้เล่นอยู่ในด้านที่ต้องดำน้ำ และมีอากาศจำกัดต้องบอกเลยว่าในช่วงที่เราใกล้จะตายมันจะมีซาวด์ประกอบสุดบีบปราสาท เพลงที่ชวนให้เราหัวร้อนเพราะจังหวะมันจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามเลขนับถอยหลังบนหัวของตัวละคร และเมื่อเวลาเราก็จะเห็นท่าตายของโซนิคสำลักน้ำ ลองคิดดูว่าถ้าเห็นตัวละครที่เราชอบตายบ่อยๆ จะรู้สึกยังไง? ซึ่งซาวด์เกมมันทำลายสมาธิชนิดที่ว่ามีผู้เล่นหลายคนยอมปิดเสียงเกมเพื่อผ่านด่านนั้นกันเลย!
7.Jak & Daxter: The Precursor Legacy
Jak & Daxter ถือเป็นแฟรนไชส์อันดับต้นๆ ของ Naughty Dog โดย Jak & Daxter : The Precursor Legacy นับเป็นภาคที่หลายๆ คนหลงรักทั้งในส่วนของพล็อตคู่หู เนื้อเรื่อง เกมเพลย์ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือฉากที่ Jak ตัวละครหลักของผู้เล่นตายระหว่างการเล่นเกม เพราะจากตรงนี้จะเป็นฉากคัตซีน Game Over ที่ Daxter คู่หูของเราจะหงุดหงิดหัวร้อนแล้วเข้ามายืนเหนือร่างที่นอนตายอยู่ พร้อมกับบ่นสารพัดคำพูดเหน็บแนมสุดปั่น แต่หลายๆ คนก็ชอบในการใส่ฉากตลกร้ายนี้เขามา ในขณะเดียวกับผู้เล่นสายจริงจังที่เจอคัตซีนนี้เข้าไปก็ถึงกับหัวร้อนก็มี!
นอกจาก Scarface: The World Is Yours เกมฉบับปี 2006 จะเป็นเกมดัดแปลงจากภาพยนตร์ที่ดูเหมือนไม่ได้มีอะไรมากมายเพราะถูกจัดเป็นหนึ่งในเกมโคลน GTA แถมยังเป็นเกมที่ใช้คำว่า 'F**k' ได้เยอะสุดๆ แล้ว คำนี้ก็ยังไม่พ้นกับหน้าจอ Game Over ที่หากเราตายเมื่อไหร่ก็เตรียมโดนด่าได้เลย เพราะจะมีข้อความขึ้นมาว่า "You F***ed Up " ทำให้เรากำหมัด และบีบปราสาทการเล่นช่วงแรกๆ ได้พอสมควร