GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม Horizon Forbidden West "สู่แดนปัจฉิมเร้นลับ: เกมโลกเปิดชั้นครูที่ทุกค่ายควรหาทำ"
ลงวันที่ 14/02/2022

สำหรับคนที่เป็นแฟนเกมโลกเปิด โดยเฉพาะเกมเมอร์ฝั่ง PlayStation ทั้งหลาย น่าจะรู้จักกับเกม Horizon Zero Dawn กันดี เกมแอคชั่น RPG โลกเปิด IP ใหม่จากผู้พัฒนา Guerilla Games ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน แต่ด้วยเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ และโลกอันงดงามของเกมนั้น ทำให้เกมได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งจากผู้เล่น PlayStation 4 และผู้เล่น PC ที่ได้สัมผัสเกมในภายหลังด้วย

ด้วยความนิยมของเกมภาคแรก แน่นอนว่าเกมภาคต่ออย่าง Horizon Forbidden West ย่อมแบกรับความคาดหวังเอาไว้สูงมาก ทั้งในฐานะเกมที่จะมาสานต่อตำนานของซีรีส์ และในฐานะเกมคร่อมรุ่นคอนโซลที่เกมเมอร์อีกหลายคนคาดหวังให้สามารถนำเสนอประสบการณ์ที่คู่ควรกับเครื่อง PlayStation 5 ได้

หลังจากที่ใช้เวลาเล่นเกมมามากกว่า 70 ชั่วโมง ผู้เขียนมีความยินดีจะรายงานว่า Horizon Forbidden West ถือเป็นเกมโลกเปิดอันน่าทึ่งซึ่งพัฒนาขึ้นจากเกมแภาคแรกในทุก ๆ ด้าน ด้วยเกมเพลย์อันหลากหลายและน่าตื่นเต้นซึ่งมีอะไรใหม่ ๆ มาเซอร์ไพรส์และท้าทายเราอยู่เสมอ ไปจนถึงเนื้อเรื่องที่นำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านบทพูดและการแสดงระดับชั้นนำ ที่ทำให้เกม Horizon Forbidden West เป็นเกมที่ชาว PlayStation ทั้ง 4 และ 5 ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

***ขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment Singapore และ PC & Associates Consulting สำหรับโค้ดรีวิวเกมล่วงหน้า***

***บทความนี้อาจสปอยเนื้อเรื่องของเกมภาคแรก (Horizon Zero Dawn)***

เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องของเกม Horizon Forbidden West จะเกิดขึ้น 6 เดือนหลังจากที่ Aloy และเพื่อนพ้องสามารถยับยั้งการทำลายล้างโลกโดย A.I. HADES ได้สำเร็จในตอนจบของเกมภาคแรก เมื่อจู่ ๆ ดินแดนบ้านเกิดของ Aloy ถูกรุกรานโดยโรคระบาดปริศนาที่เข่นฆ่าชีวิตของทั้งสัตว์และพืชที่ติดเชื้อ ส่งผลให้ Aloy จำเป็นต้องออกเดินทางเพื่อตามหาต้นตอของโรคระบาดนี้ และยับยั้งมันให้ได้ก่อนที่มันจะแพร่ระบาดไปทุกที่และทำให้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสูญพันธุ์ไปอย่างช้า ๆ

ในระหว่างที่กำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับโรคระบาดในพื้นที่ Aloy ค้นพบข้อมูลที่บ่งชี้ว่าโรคระบาดดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาณของการล่มสลายของโลกทั้งหมดเท่านั้น และเธอจะต้องออกเดินทางไปยังดินแดนต้องห้ามทางตะวันตกเพื่อตามหา A.I. ตัวหนึ่งที่จะสามารถหยุดการทำงานของพวกเครื่องจักรได้ โดยการเดินทางของเธอก็พาเธอเข้าไปพัวพันกับสงครามกลางเมืองระหว่างเผ่านักรบ Tenakth ที่ปกครองดินแดนตะวันตกอยู่ พร้อมกับศัตรูกลุ่มใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิด


เนื้อเรื่องของ Horizon Forbidden West สามารถคงมาตรฐานอันยอดเยี่ยมจากเกมภาคแรกได้อย่างครบถ้วน ทั้งในส่วนของตัวละครอันมีเสน่ห์ ไปจนถึงเหตุการณ์หักมุมต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึงในเนื้อเรื่องที่สามารถทำให้ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเกมสามารถผูกเหตุการณ์ต่าง ๆ จากภาคแรกเข้าสู่เหตุการณ์ใหม่อย่างลื่นไหล และทำให้รู้สึกเหมือนทั้งสองเกมเป็น 'เนื้อเรื่องยาว ๆ เรื่องเดียวกัน' ซึ่งน่าจะถูกใจแฟนตัวยงของเกมภาคแรกเป็นอย่างมาก

จุดปรับปรุงอีกอย่างจากภาคแรกคือการที่เกมดูจะให้เวลากับตัวละครเสริมรอบ ๆ ตัว Aloy มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้โลกของเกมรู้สึก 'เต็ม' ขึ้นจากเรื่องราวชีวิต มุมมอง และข้อมูลใหม่ ๆ ที่ตัวละครแต่ละตัวนำเสนอ ยังช่วยทำให้เกมสามารถลงลึกไปถึงแก่นของตัวละคร Aloy ได้มากกว่าเดิมผ่านการสนทนาระหว่างเธอและเพื่อน ๆ ในแบบที่น่าจะถูกใจแฟนของเกมภาคแรกเช่นเดียวกัน เพราะช่วยขยายเหตุการณ์และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ปูมาก่อนหน้านี้ได้อย่างครบถ้วน

ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่าผู้เขียนใช้คำว่า 'ถูกใจแฟนของเกมภาคแรก' ถึงสองครั้ง นั่นก็เพราะว่าเกม Horizon Forbidden West เป็นเกมที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ที่ไม่เคยเล่นภาคแรกเท่าไหร่ เพราะเกมจะใช้เวลาอธิบายตัวละครหรือเหตุการณ์ในเกมภาคแรกน้อยมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระยะเวลาระหว่างเหตุการณ์ในเกมทั้งสองนั้นเกิดขึ้นค่อนข้างใกล้กัน (ห่างกัน 6 เดือนเท่านั้น ในขณะที่เกมสองภาคห่างกัน 6 ปี) และอีกส่วนหนึ่งคือการที่เกมดูจะเน้นหนักไปที่ความเป็น 'ไซไฟ' ของตัวเองมากขึ้น ทำให้มีศัพท์เฉพาะทั้งใหม่และเก่ามากมายที่คนไม่เคยเล่นมาก่อนอาจงงว่ากำลังพูดถึงอะไรกันแน่

ข้อตำหนิอีกอย่างที่ผู้เขียนรู้สึกคือช่วงต้น ๆ ของเนื้อเรื่องนั้นดำเนินไปค่อนข้างช้า โดยสำหรับผู้เขียนรู้สึกว่ากว่าจะถึงจุดสนุกก็ปาเข้าไปเกือบ 15 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเวลาดังกล่าวนี้อาจผกผันได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นจะอยากเก็บเนื้อหาเสริมระหว่างทางมากน้อยแค่ไหนด้วย แต่ก็ยังถือว่าเป็นเนื้อเรื่องที่เปิดมาค่อนข้างช้าอยู่ดี แม้ว่าเมื่อจุดเครื่องติดแล้วจะสนุกจนติดหนึบเลยก็ตาม


เกมเพลย์

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Horizon Forbidden West ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในการยกระดับสูตรเกมเพลย์จากภาคดั้งเดิมขึ้นในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การต่อสู้ การแก้พัซเซิ่ล ไปจนถึงการสัญจรไปมาในโลกของเกม ล้วนถูกปรับปรุงให้มีความท้าทาย หลากหลาย และ 'สนุก' ขึ้นกว่าในภาคแรกพอสมควร

เรื่องแรกที่อยากพูดถึงคือตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นในการเคลื่อนที่ อันเป็นผลมาจากอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ Aloy ได้รับในช่วงต้นเกมเช่นปืนยิงเชือก Pullcaster ที่สามารถปล่อยเชือกไปผูกกับจุดต่าง ๆ ตามแผนที่เพื่อดึงตัว Aloy ขึ้นไป และเครื่องร่อน Shield-Glider ซึ่งทำให้สามารถเดินทางลงจากที่สูงได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยทั้งสองอย่างนี้นอกจากจะเพิ่มทางเลือกในการเดินทางไปตามแผนที่อันกว้างใหญ่ของเกมแล้ว ยังเปิดทางเลือกใหม่ ๆ ในการต่อสู้และการแก้พัซเซิ่ลขึ้นอีกต่างหาก

สำหรับการต่อสู้ในเกม Horizon นั้นสามารถแบ่งออกเป็นสองหมวดหลัก ๆ คือการต่อสู้กับเครื่องจักร และการต่อสู้กับมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าหัวใจหลักอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์การต่อสู้กับเหล่าเครื่องจักรน้อยใหญ่หลากหลายชนิด ข้อปรับปรุงหลัก ๆ ของการต่อสู้กับเครื่องจักรคือ 'ความหลากหลาย' ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในแง่ของชนิดของเครื่องจักรที่มีมากกว่า 40 ประเภท (จากเดิม 26) ไปจนถึงอาวุธหลากหลายชนิดของ Aloy และสถานะธาตุชนิดใหม่ ๆ ซึ่งล้วนเพิ่มมิติให้กับการต่อสู้ โดยผู้เล่นมักจะต้องแสกนเพื่อศึกษาจุดอ่อนทั้งหลายของเครื่องจักรชนิดหนึ่งก่อนการต่อสู้เสมอ คล้ายกับการออกล่าสัตว์ร้าย โดยผู้เล่นสามารถเล็งโจมตีอวัยวะหรือชิ้นส่วนบนร่างกายของพวกมันเพื่อ 'ตัด' ทิ้งได้ ซึ่งจะทำให้ได้รับไอเทมทรัพยากรณ์คราฟติ้งพิเศษ (คล้ายกับใน Monster Hunter) หรือกระทั่งเอาอาวุธของศัตรูมาใช้ในการต่อสู้ซะเองชั่วขณะหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน ระบบการต่อสู้กับศัตรูที่เป็นมนุษย์นั้นถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยผู้ที่เล่นเกมภาคแรกอาจจำได้ว่าระบบการต่อสู้ระบะประชิดในเกมภาคแรกนั้นค่อนข้างตื้น ซึ่งก็ส่งผลให้การต่อสู้กับศัตรูชนิดมนุษย์มีความน่าเบื่อไปซะหน่อยเพราะทำได้แค่กดตีเบา/หนักสลับ ๆ กันไปอย่างงั้น แต่ในเกมภาคใหม่นี้ได้เพิ่มท่าโจมตีใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก พร้อมเพิ่มระบบการทำคอมโบระยะประชิดเข้ามา ซึ่งมีความคล้ายกับระบบการควบคุมของ God of War (PS4) อยู่ประมาณหนึ่ง โดยการเพิ่มความสามารถให้กับ Aloy ทำให้เกมสามารถใส่ศัตรูชนิดมนุษย์มาให้สู้ได้บ่อยขึ้น และทำให้ศัตรูเหล่านี้หลากหลายขึ้นได้ด้วย ซึ่งก็ทำให้การต่อสู้โดยรวมมีความหลากหลายมากขึ้นกว่าภาคแรกที่แทบไม่ค่อยมีมนุษย์ให้สู้ด้วย ราวกับเป็นการเพิ่มศัตรูชนิดใหม่ไปในเกมเลยทีเดียว

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่พัฒนาขึ้นคือเรื่องของการแก้พัซเซิ่ลที่มีอยู่มากมายในแผนที่ ซึ่งทุกจุดถูกออกแบบมาให้มีวิธีแก้ของตัวเองแตกต่างกันไป มากกว่าจะเป็นกิจกรรมโลกเปิดดาษ ๆ ที่เหมือนกันหมด โดยจุดนี้ก็ช่วยทำให้โลกของเกมมีความน่าค้นหา ราวกับว่ามีความลับรอท้าทายเราอยู่แทบทุกที่ในเกม

กล่าวง่าย ๆ ว่า Horizon Forbidden West อาจไม่ใช่เกมโลกเปิดที่พยายามนำเสนออะไรใหม่ ไปกว่าภาคแรก หรือเกมโลกเปิดอื่น ๆ นัก หากแต่เกมคือผลลัพธ์ของการที่ผู้พัฒนารู้ดีถึงจุดแข็งต่าง ๆ ในเกมของตัวเอง และขัดเกลาจุดเด่นเหล่านั้นให้เฉียบคมยิ่งขึ้นไปอีก ออกมาเป็นเกมโลกเปิดที่มีอะไรให้ทำตลอดเวลาจริง ๆ จนแทบไม่มีจังหวะอยากวางจอยเลยทีเดียว

การนำเสนอ

ในการรีวิวเกม Horizon Forbidden West ผู้เขียนเล่นเกมบนเครื่อง PlayStation 5 ซึ่งมีโหมดกราฟฟิคให้เลือกสองโหมดด้วยกันคือ Performance และ Fidelity เช่นเดียวกับเกมคร่อมเจน PS4/5 ส่วนใหญ่ โดยการเล่นเกมบนโหมด Performance จะลดความละเอียดของภาพลงเพื่อให้เกมสามารถรันได้ที่ 60FPS ในขณะที่ Fidelity จะดันคุณภาพของกราฟฟิคและความละเอียดขึ้นไปถึงระดับ 4K แท้ แต่จะสามารถเล่นได้ที่ 30FPS เท่านั้น ซึ่งแลดูจะเป็นการตั้งค่าแบบมาตรฐานของเกมในยุคคอนโซลนี้


แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเล่นที่โหมด Performance หรือ Fidelity มั่นใจได้เลยว่าเกม Horizon Forbidden West น่าจะเป็นเกมโลกเปิดที่ภาพสวยที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา โดยดินแดนตะวันตกที่ Aloy ไปเยือนนั้นมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ทะเลทราย หุบเขาหิมะ หนองบึง ไปจนถึงวิวชายหาดริมทะเล และใต้ทะเล เรียกว่ามีวิวให้ดูทุกแบบทุกสไตล์ไม่มีเบื่อเลยทีเดียว



องค์ประกอบด้านเสียงของเกมก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศในเกม ซึ่งดนตรีในเกมนี้ก็สามารถทำออกมาได้ไพเราะเพลินหูเป็นอย่างมาก โดยเครื่อง PlayStation 5 ยังสามารถใช้ลูกเล่นทั้งหลายของเครื่อง เช่นความรู้สึกหน่วงในปุ่ม R2 เมื่อง้างคันธนู หรือเสียงของเครื่องจักรที่กระโจนข้ามหัวเราไปที่ดังออกมาผ่านจอย เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ ส่วนของกราฟฟิคในเกมแลดูจะเป็นส่วนที่มีปรับปรุงได้มากที่สุดเช่นกัน โดยผู้เขียนพบกับบั๊คกราฟฟิคหลากหลายรูปแบบอยู่บ่อยครั้ง เช่นสิ่งของในฉากโหลดไม่ทันหรือระบบแสงและเงาทำงานไม่ถูกต้องเป็นต้น โดยแม้ว่าจะไม่ได้หนักหนาหรือส่งผลเสียต่อเกมในภาพรวมนัก (ส่วนใหญ่แก้ได้ด้วยการปิด-เปิดเกมใหม่) แต่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ผู้พัฒนา Guerilla Games อาจจะสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพื่อประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด




คุณภาพภาษาไทย

สำหรับแฟน ๆ ชาวไทยเรา เกม Horizon Forbidden West เองก็สนับสนุนบทบรรยายและเมนูภาษาไทยให้เราด้วย ซึ่งในจุดนี้ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงเนื้อหาของเกม Horizon Forbidden West เองที่มีความเป็นไซไฟโลกอนาคต และมักจะมีการพูดถึงปรัชญาหรือแนวคิดลึกซึ้งอยู่บ่อย ๆ

แน่นอนว่ายังมีจุดบกพร่องให้เห็นอยู่บ้าง แต่ในแง่ของอรรถรสและการสื่อความหมายต่าง ๆ ก็ต้องบอกว่าทำได้ดีตามมาตรฐานของ Sony เขา ซึ่งน่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนสามารถติดตามเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นมากโขเลยทีเดียว


สรุป

ในหลาย ๆ แง่ Horizon Forbidden West ไม่ใช่เกมที่ต้องการจะตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับเกมโลกเปิด หรือต้องการจะนำเสนอไอเดียที่แปลกใหม่พิศดารกว่าใคร หากแต่เป็นเกมที่เข้าใจถึงเสน่ห์ของเกมโลกเปิดและตัวตนของซีรีส์ของตัวเองอย่างถ่องแท้ และสามารถพัฒนาทั้งสองจุดนี้ได้จนอยู่ในระดับแนวนหน้าของวงการทั้งคู่


เกมอาจจะเข้าถึงยากซะหน่อยสำหรับคนที่ไม่ค่อยแม่นเหตุการณ์และตัวละครในภาคแรก แต่ถ้าคุณเป็นแฟนเกม Horizon อยู่่แล้วล่ะก็ บอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งเกมที่คุณไม่อยากพลาดแน่ ๆ ในปีนี้


7
ข้อดี

เกมเพลย์สนุกมาก เล่นแล้วไม่อยากวางจอย

กราฟฟิคอลังการ มีสภาพแวดล้อมหลากหลาย

เนื้อเรื่องเข้มข้น เอาใจแฟน ๆ ภาคแรก

มีอะไรให้ทำเยอะมาก และทุกอย่างไม่รู้สึกว่าทำแล้วเสียเวลา

ข้อเสีย

มีบั๊คกราฟฟิคประมาณหนึ่งกระทั่งบนเครื่อง PS5

คนไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนน่าจะตามเนื้อเรื่องไม่ทัน

10
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม Horizon Forbidden West "สู่แดนปัจฉิมเร้นลับ: เกมโลกเปิดชั้นครูที่ทุกค่ายควรหาทำ"
14/02/2022

สำหรับคนที่เป็นแฟนเกมโลกเปิด โดยเฉพาะเกมเมอร์ฝั่ง PlayStation ทั้งหลาย น่าจะรู้จักกับเกม Horizon Zero Dawn กันดี เกมแอคชั่น RPG โลกเปิด IP ใหม่จากผู้พัฒนา Guerilla Games ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน แต่ด้วยเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ และโลกอันงดงามของเกมนั้น ทำให้เกมได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งจากผู้เล่น PlayStation 4 และผู้เล่น PC ที่ได้สัมผัสเกมในภายหลังด้วย

ด้วยความนิยมของเกมภาคแรก แน่นอนว่าเกมภาคต่ออย่าง Horizon Forbidden West ย่อมแบกรับความคาดหวังเอาไว้สูงมาก ทั้งในฐานะเกมที่จะมาสานต่อตำนานของซีรีส์ และในฐานะเกมคร่อมรุ่นคอนโซลที่เกมเมอร์อีกหลายคนคาดหวังให้สามารถนำเสนอประสบการณ์ที่คู่ควรกับเครื่อง PlayStation 5 ได้

หลังจากที่ใช้เวลาเล่นเกมมามากกว่า 70 ชั่วโมง ผู้เขียนมีความยินดีจะรายงานว่า Horizon Forbidden West ถือเป็นเกมโลกเปิดอันน่าทึ่งซึ่งพัฒนาขึ้นจากเกมแภาคแรกในทุก ๆ ด้าน ด้วยเกมเพลย์อันหลากหลายและน่าตื่นเต้นซึ่งมีอะไรใหม่ ๆ มาเซอร์ไพรส์และท้าทายเราอยู่เสมอ ไปจนถึงเนื้อเรื่องที่นำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านบทพูดและการแสดงระดับชั้นนำ ที่ทำให้เกม Horizon Forbidden West เป็นเกมที่ชาว PlayStation ทั้ง 4 และ 5 ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

***ขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment Singapore และ PC & Associates Consulting สำหรับโค้ดรีวิวเกมล่วงหน้า***

***บทความนี้อาจสปอยเนื้อเรื่องของเกมภาคแรก (Horizon Zero Dawn)***

เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องของเกม Horizon Forbidden West จะเกิดขึ้น 6 เดือนหลังจากที่ Aloy และเพื่อนพ้องสามารถยับยั้งการทำลายล้างโลกโดย A.I. HADES ได้สำเร็จในตอนจบของเกมภาคแรก เมื่อจู่ ๆ ดินแดนบ้านเกิดของ Aloy ถูกรุกรานโดยโรคระบาดปริศนาที่เข่นฆ่าชีวิตของทั้งสัตว์และพืชที่ติดเชื้อ ส่งผลให้ Aloy จำเป็นต้องออกเดินทางเพื่อตามหาต้นตอของโรคระบาดนี้ และยับยั้งมันให้ได้ก่อนที่มันจะแพร่ระบาดไปทุกที่และทำให้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสูญพันธุ์ไปอย่างช้า ๆ

ในระหว่างที่กำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับโรคระบาดในพื้นที่ Aloy ค้นพบข้อมูลที่บ่งชี้ว่าโรคระบาดดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาณของการล่มสลายของโลกทั้งหมดเท่านั้น และเธอจะต้องออกเดินทางไปยังดินแดนต้องห้ามทางตะวันตกเพื่อตามหา A.I. ตัวหนึ่งที่จะสามารถหยุดการทำงานของพวกเครื่องจักรได้ โดยการเดินทางของเธอก็พาเธอเข้าไปพัวพันกับสงครามกลางเมืองระหว่างเผ่านักรบ Tenakth ที่ปกครองดินแดนตะวันตกอยู่ พร้อมกับศัตรูกลุ่มใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิด


เนื้อเรื่องของ Horizon Forbidden West สามารถคงมาตรฐานอันยอดเยี่ยมจากเกมภาคแรกได้อย่างครบถ้วน ทั้งในส่วนของตัวละครอันมีเสน่ห์ ไปจนถึงเหตุการณ์หักมุมต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึงในเนื้อเรื่องที่สามารถทำให้ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเกมสามารถผูกเหตุการณ์ต่าง ๆ จากภาคแรกเข้าสู่เหตุการณ์ใหม่อย่างลื่นไหล และทำให้รู้สึกเหมือนทั้งสองเกมเป็น 'เนื้อเรื่องยาว ๆ เรื่องเดียวกัน' ซึ่งน่าจะถูกใจแฟนตัวยงของเกมภาคแรกเป็นอย่างมาก

จุดปรับปรุงอีกอย่างจากภาคแรกคือการที่เกมดูจะให้เวลากับตัวละครเสริมรอบ ๆ ตัว Aloy มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้โลกของเกมรู้สึก 'เต็ม' ขึ้นจากเรื่องราวชีวิต มุมมอง และข้อมูลใหม่ ๆ ที่ตัวละครแต่ละตัวนำเสนอ ยังช่วยทำให้เกมสามารถลงลึกไปถึงแก่นของตัวละคร Aloy ได้มากกว่าเดิมผ่านการสนทนาระหว่างเธอและเพื่อน ๆ ในแบบที่น่าจะถูกใจแฟนของเกมภาคแรกเช่นเดียวกัน เพราะช่วยขยายเหตุการณ์และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ปูมาก่อนหน้านี้ได้อย่างครบถ้วน

ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่าผู้เขียนใช้คำว่า 'ถูกใจแฟนของเกมภาคแรก' ถึงสองครั้ง นั่นก็เพราะว่าเกม Horizon Forbidden West เป็นเกมที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ที่ไม่เคยเล่นภาคแรกเท่าไหร่ เพราะเกมจะใช้เวลาอธิบายตัวละครหรือเหตุการณ์ในเกมภาคแรกน้อยมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระยะเวลาระหว่างเหตุการณ์ในเกมทั้งสองนั้นเกิดขึ้นค่อนข้างใกล้กัน (ห่างกัน 6 เดือนเท่านั้น ในขณะที่เกมสองภาคห่างกัน 6 ปี) และอีกส่วนหนึ่งคือการที่เกมดูจะเน้นหนักไปที่ความเป็น 'ไซไฟ' ของตัวเองมากขึ้น ทำให้มีศัพท์เฉพาะทั้งใหม่และเก่ามากมายที่คนไม่เคยเล่นมาก่อนอาจงงว่ากำลังพูดถึงอะไรกันแน่

ข้อตำหนิอีกอย่างที่ผู้เขียนรู้สึกคือช่วงต้น ๆ ของเนื้อเรื่องนั้นดำเนินไปค่อนข้างช้า โดยสำหรับผู้เขียนรู้สึกว่ากว่าจะถึงจุดสนุกก็ปาเข้าไปเกือบ 15 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเวลาดังกล่าวนี้อาจผกผันได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นจะอยากเก็บเนื้อหาเสริมระหว่างทางมากน้อยแค่ไหนด้วย แต่ก็ยังถือว่าเป็นเนื้อเรื่องที่เปิดมาค่อนข้างช้าอยู่ดี แม้ว่าเมื่อจุดเครื่องติดแล้วจะสนุกจนติดหนึบเลยก็ตาม


เกมเพลย์

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Horizon Forbidden West ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในการยกระดับสูตรเกมเพลย์จากภาคดั้งเดิมขึ้นในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การต่อสู้ การแก้พัซเซิ่ล ไปจนถึงการสัญจรไปมาในโลกของเกม ล้วนถูกปรับปรุงให้มีความท้าทาย หลากหลาย และ 'สนุก' ขึ้นกว่าในภาคแรกพอสมควร

เรื่องแรกที่อยากพูดถึงคือตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นในการเคลื่อนที่ อันเป็นผลมาจากอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ Aloy ได้รับในช่วงต้นเกมเช่นปืนยิงเชือก Pullcaster ที่สามารถปล่อยเชือกไปผูกกับจุดต่าง ๆ ตามแผนที่เพื่อดึงตัว Aloy ขึ้นไป และเครื่องร่อน Shield-Glider ซึ่งทำให้สามารถเดินทางลงจากที่สูงได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยทั้งสองอย่างนี้นอกจากจะเพิ่มทางเลือกในการเดินทางไปตามแผนที่อันกว้างใหญ่ของเกมแล้ว ยังเปิดทางเลือกใหม่ ๆ ในการต่อสู้และการแก้พัซเซิ่ลขึ้นอีกต่างหาก

สำหรับการต่อสู้ในเกม Horizon นั้นสามารถแบ่งออกเป็นสองหมวดหลัก ๆ คือการต่อสู้กับเครื่องจักร และการต่อสู้กับมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าหัวใจหลักอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์การต่อสู้กับเหล่าเครื่องจักรน้อยใหญ่หลากหลายชนิด ข้อปรับปรุงหลัก ๆ ของการต่อสู้กับเครื่องจักรคือ 'ความหลากหลาย' ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในแง่ของชนิดของเครื่องจักรที่มีมากกว่า 40 ประเภท (จากเดิม 26) ไปจนถึงอาวุธหลากหลายชนิดของ Aloy และสถานะธาตุชนิดใหม่ ๆ ซึ่งล้วนเพิ่มมิติให้กับการต่อสู้ โดยผู้เล่นมักจะต้องแสกนเพื่อศึกษาจุดอ่อนทั้งหลายของเครื่องจักรชนิดหนึ่งก่อนการต่อสู้เสมอ คล้ายกับการออกล่าสัตว์ร้าย โดยผู้เล่นสามารถเล็งโจมตีอวัยวะหรือชิ้นส่วนบนร่างกายของพวกมันเพื่อ 'ตัด' ทิ้งได้ ซึ่งจะทำให้ได้รับไอเทมทรัพยากรณ์คราฟติ้งพิเศษ (คล้ายกับใน Monster Hunter) หรือกระทั่งเอาอาวุธของศัตรูมาใช้ในการต่อสู้ซะเองชั่วขณะหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน ระบบการต่อสู้กับศัตรูที่เป็นมนุษย์นั้นถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยผู้ที่เล่นเกมภาคแรกอาจจำได้ว่าระบบการต่อสู้ระบะประชิดในเกมภาคแรกนั้นค่อนข้างตื้น ซึ่งก็ส่งผลให้การต่อสู้กับศัตรูชนิดมนุษย์มีความน่าเบื่อไปซะหน่อยเพราะทำได้แค่กดตีเบา/หนักสลับ ๆ กันไปอย่างงั้น แต่ในเกมภาคใหม่นี้ได้เพิ่มท่าโจมตีใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก พร้อมเพิ่มระบบการทำคอมโบระยะประชิดเข้ามา ซึ่งมีความคล้ายกับระบบการควบคุมของ God of War (PS4) อยู่ประมาณหนึ่ง โดยการเพิ่มความสามารถให้กับ Aloy ทำให้เกมสามารถใส่ศัตรูชนิดมนุษย์มาให้สู้ได้บ่อยขึ้น และทำให้ศัตรูเหล่านี้หลากหลายขึ้นได้ด้วย ซึ่งก็ทำให้การต่อสู้โดยรวมมีความหลากหลายมากขึ้นกว่าภาคแรกที่แทบไม่ค่อยมีมนุษย์ให้สู้ด้วย ราวกับเป็นการเพิ่มศัตรูชนิดใหม่ไปในเกมเลยทีเดียว

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่พัฒนาขึ้นคือเรื่องของการแก้พัซเซิ่ลที่มีอยู่มากมายในแผนที่ ซึ่งทุกจุดถูกออกแบบมาให้มีวิธีแก้ของตัวเองแตกต่างกันไป มากกว่าจะเป็นกิจกรรมโลกเปิดดาษ ๆ ที่เหมือนกันหมด โดยจุดนี้ก็ช่วยทำให้โลกของเกมมีความน่าค้นหา ราวกับว่ามีความลับรอท้าทายเราอยู่แทบทุกที่ในเกม

กล่าวง่าย ๆ ว่า Horizon Forbidden West อาจไม่ใช่เกมโลกเปิดที่พยายามนำเสนออะไรใหม่ ไปกว่าภาคแรก หรือเกมโลกเปิดอื่น ๆ นัก หากแต่เกมคือผลลัพธ์ของการที่ผู้พัฒนารู้ดีถึงจุดแข็งต่าง ๆ ในเกมของตัวเอง และขัดเกลาจุดเด่นเหล่านั้นให้เฉียบคมยิ่งขึ้นไปอีก ออกมาเป็นเกมโลกเปิดที่มีอะไรให้ทำตลอดเวลาจริง ๆ จนแทบไม่มีจังหวะอยากวางจอยเลยทีเดียว

การนำเสนอ

ในการรีวิวเกม Horizon Forbidden West ผู้เขียนเล่นเกมบนเครื่อง PlayStation 5 ซึ่งมีโหมดกราฟฟิคให้เลือกสองโหมดด้วยกันคือ Performance และ Fidelity เช่นเดียวกับเกมคร่อมเจน PS4/5 ส่วนใหญ่ โดยการเล่นเกมบนโหมด Performance จะลดความละเอียดของภาพลงเพื่อให้เกมสามารถรันได้ที่ 60FPS ในขณะที่ Fidelity จะดันคุณภาพของกราฟฟิคและความละเอียดขึ้นไปถึงระดับ 4K แท้ แต่จะสามารถเล่นได้ที่ 30FPS เท่านั้น ซึ่งแลดูจะเป็นการตั้งค่าแบบมาตรฐานของเกมในยุคคอนโซลนี้


แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเล่นที่โหมด Performance หรือ Fidelity มั่นใจได้เลยว่าเกม Horizon Forbidden West น่าจะเป็นเกมโลกเปิดที่ภาพสวยที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา โดยดินแดนตะวันตกที่ Aloy ไปเยือนนั้นมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ทะเลทราย หุบเขาหิมะ หนองบึง ไปจนถึงวิวชายหาดริมทะเล และใต้ทะเล เรียกว่ามีวิวให้ดูทุกแบบทุกสไตล์ไม่มีเบื่อเลยทีเดียว



องค์ประกอบด้านเสียงของเกมก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศในเกม ซึ่งดนตรีในเกมนี้ก็สามารถทำออกมาได้ไพเราะเพลินหูเป็นอย่างมาก โดยเครื่อง PlayStation 5 ยังสามารถใช้ลูกเล่นทั้งหลายของเครื่อง เช่นความรู้สึกหน่วงในปุ่ม R2 เมื่อง้างคันธนู หรือเสียงของเครื่องจักรที่กระโจนข้ามหัวเราไปที่ดังออกมาผ่านจอย เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ ส่วนของกราฟฟิคในเกมแลดูจะเป็นส่วนที่มีปรับปรุงได้มากที่สุดเช่นกัน โดยผู้เขียนพบกับบั๊คกราฟฟิคหลากหลายรูปแบบอยู่บ่อยครั้ง เช่นสิ่งของในฉากโหลดไม่ทันหรือระบบแสงและเงาทำงานไม่ถูกต้องเป็นต้น โดยแม้ว่าจะไม่ได้หนักหนาหรือส่งผลเสียต่อเกมในภาพรวมนัก (ส่วนใหญ่แก้ได้ด้วยการปิด-เปิดเกมใหม่) แต่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ผู้พัฒนา Guerilla Games อาจจะสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพื่อประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด




คุณภาพภาษาไทย

สำหรับแฟน ๆ ชาวไทยเรา เกม Horizon Forbidden West เองก็สนับสนุนบทบรรยายและเมนูภาษาไทยให้เราด้วย ซึ่งในจุดนี้ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงเนื้อหาของเกม Horizon Forbidden West เองที่มีความเป็นไซไฟโลกอนาคต และมักจะมีการพูดถึงปรัชญาหรือแนวคิดลึกซึ้งอยู่บ่อย ๆ

แน่นอนว่ายังมีจุดบกพร่องให้เห็นอยู่บ้าง แต่ในแง่ของอรรถรสและการสื่อความหมายต่าง ๆ ก็ต้องบอกว่าทำได้ดีตามมาตรฐานของ Sony เขา ซึ่งน่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนสามารถติดตามเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นมากโขเลยทีเดียว


สรุป

ในหลาย ๆ แง่ Horizon Forbidden West ไม่ใช่เกมที่ต้องการจะตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับเกมโลกเปิด หรือต้องการจะนำเสนอไอเดียที่แปลกใหม่พิศดารกว่าใคร หากแต่เป็นเกมที่เข้าใจถึงเสน่ห์ของเกมโลกเปิดและตัวตนของซีรีส์ของตัวเองอย่างถ่องแท้ และสามารถพัฒนาทั้งสองจุดนี้ได้จนอยู่ในระดับแนวนหน้าของวงการทั้งคู่


เกมอาจจะเข้าถึงยากซะหน่อยสำหรับคนที่ไม่ค่อยแม่นเหตุการณ์และตัวละครในภาคแรก แต่ถ้าคุณเป็นแฟนเกม Horizon อยู่่แล้วล่ะก็ บอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งเกมที่คุณไม่อยากพลาดแน่ ๆ ในปีนี้



บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header