และแล้ว เวลาที่เหล่าโปเกม่อนเทรนเนอร์ทั้งหลายรอคอยก็มาถึง กับการมาของเกมในซีรีส์ภาคใหม่แกะกล่องบนเครื่อง Nintendo Switch ที่ได้มีการโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบเกมให้เป็นแบบ 'โลกเปิด' กับ Pokémon Scarlet & Violet นั่นเอง
หากบางคนยังไม่เข้าใจกับคำว่าโลกเปิด หรือ Open-World เราก็พร้อมที่จะแถลงไข ถ้ากล่าวแบบง่าย ๆ เลย คือรูปแบบของเกมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นจะทำอะไรก็ได้ มีอิสระในการเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ ไม่มีภารกิจอะไรมาบังคับให้ต้องทำเพื่อผ่านไปยังพื้นที่ถัดไปภายในเกม
ซึ่งปกติแล้วเกมซีรีส์ Pokémon เป็นระบบ 'คุณจะต้องไปจุด 1 แล้วไป 2 ต่อด้วย 3' และสานต่อไปเรื่อย ๆ มาแทบทุกภาค แต่ล่าสุดกับการโยนหินถามทางสร้างเกม Pokémon : Legend Arceus ในช่วงต้นปี 2022 ที่เป็นเกมกึ่งโลกเปิด ก็ทำให้พวกเขาได้นำมาปรับปรุงและสานต่อความสนุกในภาคใหม่นี้ได้ถูกทางแล้วนั่นเอง!
จากการที่ผู้เขียนได้สัมผัสเกม Pokémon ในเจนหลัก ๆ 1-8 มาครบแล้วนั้น สามารถบอกได้เลยว่าทางผู้พัฒนามีความใส่ใจในการเอารูปแบบการเล่น ความสนุกและน่าสนใจจากภาคเก่า ๆ มาดัดแปลงให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินจนอาจไม่ได้สังเกตเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบโลกเปิด อิสระในการเล่นตามใจ พัฒนามาจากภาค Legend Arceus ตามที่กล่าวไปในข้างต้น, ระบบโปเกม่อนเดินตามและคอยเก็บของตามเราสั่งจากภาค Heart Gold & Soul Silver, ระบบถ่ายและแต่งรูปภาพจาก XY, ระบบแชร์เลเวลและจดจำท่าที่เคยมี, ระบบสภาพอากาศ กลางวันและกลางคืนจากทั้งภาค Sun & Moon และ Sword & Shield และอื่น ๆ
แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะมีแค่ของเก่านะ! เพราะระบบที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Terastallize ที่จะเพิ่มความสามารถให้โปเกม่อนของเราเปลี่ยนธาตุกลายเป็นธาตุอื่น เสริมความได้เปรียบในการต่อสู้มากขึ้น, ระบบส่งโปเกม่อนสู้ตามเส้นทางอัตโนมัติ ไม่ต้องเข้าหน้าแบทเทิล หรือจะเป็นระบบ Picnic ที่เปิดให้เราได้สานความสัมพันธ์กับโปเกม่อนด้วยการเล่นบอลและอาบน้ำ ซึ่งหากค่าความสัมพันธ์เราสูงถึงระดับหนึ่งมันจะช่วยในการต่อสู้ด้วย (เช่น โปเกม่อนของเราจะไม่ยอมสลบ แม้จะโดนโจมตีที่ควรสู่ขิตแล้วก็ตาม) รวมไปถึงการทำแซนด์วิช เพิ่มบัฟในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โอกาสการเจอโปเกม่อนหายาก, จับง่ายขึ้น, เลเวลสูงขึ้น และอื่น ๆ
บางครั้ง ผู้เล่นอย่างเรา ๆ ก็อาจจะเคยคิดว่าทำไมเราต้องเดินตามรูปเกมที่กำหนดมาเสมอ หรือทำไมฉันต้องไปตามขจัดปัญหาร้อยแปดก่อนจะได้สู้กับยิมลีดเดอร์ด้วย? แน่นอน ยังไม่รวมถึงความยากลำบากหากเราเลือกโปเกม่อนตั้งต้นที่แพ้ทางยิมแรกและยิมอื่น ๆ ในช่วงต้นเกมจนไม่อาจผ่านไปได้ง่าย ๆ คงจะหงุดหงิดไม่น้อย
แต่สำหรับภาค Scarlet & Violet ผู้เล่นจะได้ลิขิตชีวิตของต้นเองว่าจะเดินทางไปในระดับความง่ายไปยาก หรือท้าทายด้วยยากไปง่าย เพราะคุณจะสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ทำอะไรก็ได้ตามใจไม่จำกัดก่อนหลัง อย่างที่ผู้เขียนเองก็ซนจัด ๆ ไปตียิมที่ยากที่สุดในเกมเป็นยิมที่สาม จนเล่นเอาเหงื่อตก แต่ก็ตื่นเต้นใช่ย่อย!
แต่ว่า หากใครคิดว่าตัวเกมจะมีแกนหลักให้เราตียิม ตีจตุรเทพ แล้วก้าวเป็นแชมเปียนส์เหมือนภาคก่อน ๆ อย่างเดียว คุณคิดผิด! เพราะในภาคนี้จะมีเส้นทางเนื้อเรื่องหลักสามเส้นให้คุณได้เลือกออกเดินทาง โดยสามารถทำไขว้-สลับกันก็ได้ ได้แก่
Victory Road - เส้นทางคว้าชัย ออกเดินทางตียิมทั้งแปด ก่อนเข้าชิงชัยเพื่อเป็นแชมเปียนส์ประจำภูมิภาค
Path of Legends - ออกเดินทางตามหาสมุนไพรวิเศษ เผชิญหน้ากับโปเกม่อนยักษ์กลายพันธุ์ทั้งห้า อัพเกรดโปเกม่อนมอเตอร์ไซค์คู่ใจ Koraidon หรือ Mairaidon ให้มีความสามารถเดินทางได้ง่ายยิ่งขึ้น
Starfall Street - ภารกิจถล่มแก๊งเด็กหัวต่อต้าน Star ที่รวมพลเหล่าเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งและโต้กลับ จนสามารถเอาชนะพวกเกเรได้ แต่กลายเป็นกลุ่มเกเรซะเอง!
แค่สามเส้นทางนี้ก็ได้มอบประสบการณ์ที่มากมายให้ผู้เล่นแล้ว แต่มันยังไม่หมด เพราะใน Scarlet & Violet สถานะของผู้เล่นนั้นเป็น 'นักศึกษา' หมายความว่าเราก็ต้องเรียนเช่นกัน! เข้าคลาสรูมในแต่ละวิชา ตอบคำถาม รวมไปถึงสอบกลางภาคและปลายภาคเพื่อรางวัลสุดคุ้มค่าก็น่าเลือกเล่นเช่นกัน ทั้งนี้สำหรับการจบเกมแบบขึ้น End Credit และรู้เนื้อเรื่องหลักทั้งหมด ผู้เล่นจำเป็นต้องสำเร็จเส้นทางชีวิตหลัก ๆ ทั้งสามตามที่กล่าวมา
ต้องกล่าวว่านับตั้งแต่เกมเจนที่ 5 ของซีรีส์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเนื้อเรื่องดีที่สุดนั้น ก็ยังไม่มีภาคต่อมาภาคไหน ๆ ที่เข้าไปถึงหัวอกหัวใจเทียบเท่ากับภาค Scarlet & Violet นี้เลย อิงจากเนื้อเรื่องที่เรา นักเรียน ที่มีความฝันได้เข้าไปโลดแล่นในโลกที่มีผู้คนมากมาย และหลายมุมมอง เชื่อมความสัมพันธ์กับโปเกม่อน เป็นเพื่อนได้มากกว่าเดิม เกินกว่าภาคอื่น ๆ ที่มีพวกเขาเป็นเหมือนแค่เครื่องมือเท่านั้น
ด้วยการที่ผู้พัฒนาเลือกที่จะเขียนบทซึ่งมีความใกล้เคียงกับชีวิตคนจริง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงการจี้จุดอารมณ์ได้อย่างถูกจังหวะ มันจึงทำให้เกมภาคนี้เหมือนเป็นดั่ง 'รถไฟเหาะของความรู้สึก' จริง ๆ มีทั้งอารมณ์สนุก ตลก ครินจ์ (อายแทน) และปวดตับ ซึ่งผู้เขียนเองที่ไม่เคยน้ำตาแตกในซีรีส์เกมโปเกม่อนมาก่อน ยังไม่รอดกับภาคนี้
โอ้ ไม่... ข้อเสียอย่างยิ่งใหญ่ของเกมภาคนี้ที่ทางเราไม่สามารถปล่อยผ่านได้ก็คือประสิทธิภาพเกมที่ถูกปล่อยออกมาได้แบบน่าหยุมหัวมาก ๆ แม้ภาพและกราฟิกจะอยู่ในขั้นที่พอรับได้ตามสภาพเครื่อง Nintendo Switch ซึ่งวิ่งได้แค่นั้น และภาพก็ไม่ได้ต่างจาก Pokémon : Legend Arceus เท่าไหร่นัก แต่ทั้งความเสถียรของภาพ FPS อาการหน่วง แลค และเด้งหลุด กลับผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดจนน่ารำคาญใจ
นี่ยังไม่รวมไปถึงบัคอันหลากหลายที่อาจทำลายความสนุกของผู้เล่นได้ เช่นเดินตกแมพ อนิเมชั่นตัวละครไม่โหลด ตัวละครบิดเบี้ยวกลายเป็นไททัน NPC ที่เดินเข้ามาในสนามต่อสู้แบบงง ๆ และอื่น ๆ อีกเพียบจนมันกลายเป็นสีสัน และมีมในโลกอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมดภายในวันเดียวที่ปล่อยเกม
เอาเป็นว่า ถ้าใจให้กล่าวตรง ๆ นั้น Pokémon Scarlet & Violet ระบบเกมเพลย์และเนื้อเรื่องไม่แย่ แต่ห่วยแตกทางด้านประสิทธิภาพ หากใครที่รู้สึกว่าสามารถรับและทนได้กับความกระตุกหรือหน่วงเป็นบางครั้ง การเลือกภาคนี้มาเล่นก็ไม่ได้แย่เลยทีเดียว เพราะทางตัวเกมเองก็อาจจะปล่อยแพทช์อัปเดตมาในอนาคต
สำหรับใครที่สงสัยว่าภาค Scarlet & Violet นั้นต่างกันยังไง เลือกภาคไหนดี ทางเราสามารถบอกได้ว่าจะต่างกันแค่ในส่วนของสีธีมส้มหรือม่วง, เนื้อเรื่องและตัวละครธีมอดีตและอนาคต และโปเกม่อนเฉพาะประจำภาค สุดแล้วแต่จะเลือกชอบและเล่นนั่นเอง ถ้าเลือกไม่ได้จริง ๆ ก็จัดทั้งสองภาคผ่านทางร้านค้า Nintendo eShop หรือร้านค้าแผ่นเกมทั่วไปเลย!
เนื้อเรื่องสนุก
ระบบเกมเพลย์แปลกใหม่
เล่นได้เพลิดเพลิน
ประสิทธิภาพเกมยับยู่ยี่
บัคกระจาย
และแล้ว เวลาที่เหล่าโปเกม่อนเทรนเนอร์ทั้งหลายรอคอยก็มาถึง กับการมาของเกมในซีรีส์ภาคใหม่แกะกล่องบนเครื่อง Nintendo Switch ที่ได้มีการโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบเกมให้เป็นแบบ 'โลกเปิด' กับ Pokémon Scarlet & Violet นั่นเอง
หากบางคนยังไม่เข้าใจกับคำว่าโลกเปิด หรือ Open-World เราก็พร้อมที่จะแถลงไข ถ้ากล่าวแบบง่าย ๆ เลย คือรูปแบบของเกมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นจะทำอะไรก็ได้ มีอิสระในการเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ ไม่มีภารกิจอะไรมาบังคับให้ต้องทำเพื่อผ่านไปยังพื้นที่ถัดไปภายในเกม
ซึ่งปกติแล้วเกมซีรีส์ Pokémon เป็นระบบ 'คุณจะต้องไปจุด 1 แล้วไป 2 ต่อด้วย 3' และสานต่อไปเรื่อย ๆ มาแทบทุกภาค แต่ล่าสุดกับการโยนหินถามทางสร้างเกม Pokémon : Legend Arceus ในช่วงต้นปี 2022 ที่เป็นเกมกึ่งโลกเปิด ก็ทำให้พวกเขาได้นำมาปรับปรุงและสานต่อความสนุกในภาคใหม่นี้ได้ถูกทางแล้วนั่นเอง!
จากการที่ผู้เขียนได้สัมผัสเกม Pokémon ในเจนหลัก ๆ 1-8 มาครบแล้วนั้น สามารถบอกได้เลยว่าทางผู้พัฒนามีความใส่ใจในการเอารูปแบบการเล่น ความสนุกและน่าสนใจจากภาคเก่า ๆ มาดัดแปลงให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินจนอาจไม่ได้สังเกตเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบโลกเปิด อิสระในการเล่นตามใจ พัฒนามาจากภาค Legend Arceus ตามที่กล่าวไปในข้างต้น, ระบบโปเกม่อนเดินตามและคอยเก็บของตามเราสั่งจากภาค Heart Gold & Soul Silver, ระบบถ่ายและแต่งรูปภาพจาก XY, ระบบแชร์เลเวลและจดจำท่าที่เคยมี, ระบบสภาพอากาศ กลางวันและกลางคืนจากทั้งภาค Sun & Moon และ Sword & Shield และอื่น ๆ
แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะมีแค่ของเก่านะ! เพราะระบบที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Terastallize ที่จะเพิ่มความสามารถให้โปเกม่อนของเราเปลี่ยนธาตุกลายเป็นธาตุอื่น เสริมความได้เปรียบในการต่อสู้มากขึ้น, ระบบส่งโปเกม่อนสู้ตามเส้นทางอัตโนมัติ ไม่ต้องเข้าหน้าแบทเทิล หรือจะเป็นระบบ Picnic ที่เปิดให้เราได้สานความสัมพันธ์กับโปเกม่อนด้วยการเล่นบอลและอาบน้ำ ซึ่งหากค่าความสัมพันธ์เราสูงถึงระดับหนึ่งมันจะช่วยในการต่อสู้ด้วย (เช่น โปเกม่อนของเราจะไม่ยอมสลบ แม้จะโดนโจมตีที่ควรสู่ขิตแล้วก็ตาม) รวมไปถึงการทำแซนด์วิช เพิ่มบัฟในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โอกาสการเจอโปเกม่อนหายาก, จับง่ายขึ้น, เลเวลสูงขึ้น และอื่น ๆ
บางครั้ง ผู้เล่นอย่างเรา ๆ ก็อาจจะเคยคิดว่าทำไมเราต้องเดินตามรูปเกมที่กำหนดมาเสมอ หรือทำไมฉันต้องไปตามขจัดปัญหาร้อยแปดก่อนจะได้สู้กับยิมลีดเดอร์ด้วย? แน่นอน ยังไม่รวมถึงความยากลำบากหากเราเลือกโปเกม่อนตั้งต้นที่แพ้ทางยิมแรกและยิมอื่น ๆ ในช่วงต้นเกมจนไม่อาจผ่านไปได้ง่าย ๆ คงจะหงุดหงิดไม่น้อย
แต่สำหรับภาค Scarlet & Violet ผู้เล่นจะได้ลิขิตชีวิตของต้นเองว่าจะเดินทางไปในระดับความง่ายไปยาก หรือท้าทายด้วยยากไปง่าย เพราะคุณจะสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ทำอะไรก็ได้ตามใจไม่จำกัดก่อนหลัง อย่างที่ผู้เขียนเองก็ซนจัด ๆ ไปตียิมที่ยากที่สุดในเกมเป็นยิมที่สาม จนเล่นเอาเหงื่อตก แต่ก็ตื่นเต้นใช่ย่อย!
แต่ว่า หากใครคิดว่าตัวเกมจะมีแกนหลักให้เราตียิม ตีจตุรเทพ แล้วก้าวเป็นแชมเปียนส์เหมือนภาคก่อน ๆ อย่างเดียว คุณคิดผิด! เพราะในภาคนี้จะมีเส้นทางเนื้อเรื่องหลักสามเส้นให้คุณได้เลือกออกเดินทาง โดยสามารถทำไขว้-สลับกันก็ได้ ได้แก่
Victory Road - เส้นทางคว้าชัย ออกเดินทางตียิมทั้งแปด ก่อนเข้าชิงชัยเพื่อเป็นแชมเปียนส์ประจำภูมิภาค
Path of Legends - ออกเดินทางตามหาสมุนไพรวิเศษ เผชิญหน้ากับโปเกม่อนยักษ์กลายพันธุ์ทั้งห้า อัพเกรดโปเกม่อนมอเตอร์ไซค์คู่ใจ Koraidon หรือ Mairaidon ให้มีความสามารถเดินทางได้ง่ายยิ่งขึ้น
Starfall Street - ภารกิจถล่มแก๊งเด็กหัวต่อต้าน Star ที่รวมพลเหล่าเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งและโต้กลับ จนสามารถเอาชนะพวกเกเรได้ แต่กลายเป็นกลุ่มเกเรซะเอง!
แค่สามเส้นทางนี้ก็ได้มอบประสบการณ์ที่มากมายให้ผู้เล่นแล้ว แต่มันยังไม่หมด เพราะใน Scarlet & Violet สถานะของผู้เล่นนั้นเป็น 'นักศึกษา' หมายความว่าเราก็ต้องเรียนเช่นกัน! เข้าคลาสรูมในแต่ละวิชา ตอบคำถาม รวมไปถึงสอบกลางภาคและปลายภาคเพื่อรางวัลสุดคุ้มค่าก็น่าเลือกเล่นเช่นกัน ทั้งนี้สำหรับการจบเกมแบบขึ้น End Credit และรู้เนื้อเรื่องหลักทั้งหมด ผู้เล่นจำเป็นต้องสำเร็จเส้นทางชีวิตหลัก ๆ ทั้งสามตามที่กล่าวมา
ต้องกล่าวว่านับตั้งแต่เกมเจนที่ 5 ของซีรีส์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเนื้อเรื่องดีที่สุดนั้น ก็ยังไม่มีภาคต่อมาภาคไหน ๆ ที่เข้าไปถึงหัวอกหัวใจเทียบเท่ากับภาค Scarlet & Violet นี้เลย อิงจากเนื้อเรื่องที่เรา นักเรียน ที่มีความฝันได้เข้าไปโลดแล่นในโลกที่มีผู้คนมากมาย และหลายมุมมอง เชื่อมความสัมพันธ์กับโปเกม่อน เป็นเพื่อนได้มากกว่าเดิม เกินกว่าภาคอื่น ๆ ที่มีพวกเขาเป็นเหมือนแค่เครื่องมือเท่านั้น
ด้วยการที่ผู้พัฒนาเลือกที่จะเขียนบทซึ่งมีความใกล้เคียงกับชีวิตคนจริง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงการจี้จุดอารมณ์ได้อย่างถูกจังหวะ มันจึงทำให้เกมภาคนี้เหมือนเป็นดั่ง 'รถไฟเหาะของความรู้สึก' จริง ๆ มีทั้งอารมณ์สนุก ตลก ครินจ์ (อายแทน) และปวดตับ ซึ่งผู้เขียนเองที่ไม่เคยน้ำตาแตกในซีรีส์เกมโปเกม่อนมาก่อน ยังไม่รอดกับภาคนี้
โอ้ ไม่... ข้อเสียอย่างยิ่งใหญ่ของเกมภาคนี้ที่ทางเราไม่สามารถปล่อยผ่านได้ก็คือประสิทธิภาพเกมที่ถูกปล่อยออกมาได้แบบน่าหยุมหัวมาก ๆ แม้ภาพและกราฟิกจะอยู่ในขั้นที่พอรับได้ตามสภาพเครื่อง Nintendo Switch ซึ่งวิ่งได้แค่นั้น และภาพก็ไม่ได้ต่างจาก Pokémon : Legend Arceus เท่าไหร่นัก แต่ทั้งความเสถียรของภาพ FPS อาการหน่วง แลค และเด้งหลุด กลับผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดจนน่ารำคาญใจ
นี่ยังไม่รวมไปถึงบัคอันหลากหลายที่อาจทำลายความสนุกของผู้เล่นได้ เช่นเดินตกแมพ อนิเมชั่นตัวละครไม่โหลด ตัวละครบิดเบี้ยวกลายเป็นไททัน NPC ที่เดินเข้ามาในสนามต่อสู้แบบงง ๆ และอื่น ๆ อีกเพียบจนมันกลายเป็นสีสัน และมีมในโลกอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมดภายในวันเดียวที่ปล่อยเกม
เอาเป็นว่า ถ้าใจให้กล่าวตรง ๆ นั้น Pokémon Scarlet & Violet ระบบเกมเพลย์และเนื้อเรื่องไม่แย่ แต่ห่วยแตกทางด้านประสิทธิภาพ หากใครที่รู้สึกว่าสามารถรับและทนได้กับความกระตุกหรือหน่วงเป็นบางครั้ง การเลือกภาคนี้มาเล่นก็ไม่ได้แย่เลยทีเดียว เพราะทางตัวเกมเองก็อาจจะปล่อยแพทช์อัปเดตมาในอนาคต
สำหรับใครที่สงสัยว่าภาค Scarlet & Violet นั้นต่างกันยังไง เลือกภาคไหนดี ทางเราสามารถบอกได้ว่าจะต่างกันแค่ในส่วนของสีธีมส้มหรือม่วง, เนื้อเรื่องและตัวละครธีมอดีตและอนาคต และโปเกม่อนเฉพาะประจำภาค สุดแล้วแต่จะเลือกชอบและเล่นนั่นเอง ถ้าเลือกไม่ได้จริง ๆ ก็จัดทั้งสองภาคผ่านทางร้านค้า Nintendo eShop หรือร้านค้าแผ่นเกมทั่วไปเลย!