ข่าวเกี่ยวกับการที่ Netflix หันมาให้ความสนใจกับวงการเกมนั้นลือกันมา ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว และก็ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกหน่อย เมื่อทางเว็บไซต์ Bloomberg รายงานว่า Netflix กำลังวางแผนจะเพิ่มเกมลงในบริการสมัครสมาชิกภายในปีหน้า
โดยทาง Netflix ได้ทำการว่าจ้าง Mike Verdu ซึ่งเคยทำงานเป็นผู้บริหารวิดีโอเกมจาก Facebook และก่อนหน้านั้นสองปีเขาก็ทำงานที่บริษัทเกมชื่อดังอย่าง Electronic Arts อีกด้วย ซึ่งหมายความว่าทาง Netflix อาจกำลังคิดจะสร้างเกมของตัวเองขึ้นมาภายในปีหน้าแล้วจริงๆ
ในส่วนของเนื้อหาเกมก็จะปรากฏควบคู่ไปกับเนื้อหาด้านอื่นๆ และมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนเหมือนการแบ่งเนื้อหาภาพยนตร์ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะมีการเก็บเงินเพิ่มเติมในส่วนนี้หรือไม่ นอกจากนั้นในเดือนหน้าทาง Netflix ก็จะสร้างทีมสำหรับดูแลรับผิดชอบเนื้อหาของเกมอีกด้วย โดย Netflix ในปัจจุบันเองก็มีเนื้อหาที่เราคนดูสามารถมี interactive กับภาพยนตร์ และกำหนดทิศทางของเนื้อเรื่องได้แล้ว เช่น Carmen Sandiego หรือ Black Mirror เป็นต้น
แม้จะดูเป็นการตัดสินใจที่แปลกสำหรับบริษัทที่นำเสนอสื่อเกี่ยวกับภาพยนตร์ ซึ่งจะหันมาลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมเกม แต่เมื่อพิจารณาจากการที่ Netflix นั้นเป็นคู่แข่งกับ Amazon Prime และ Disney Plus ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาพยายามจะหาลูกเล่นใหม่ๆ ซึ่งจะสามารถเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับบริษัทนั่นเองค่ะ
Credit: Kotaku
ข่าวเกี่ยวกับการที่ Netflix หันมาให้ความสนใจกับวงการเกมนั้นลือกันมา ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว และก็ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกหน่อย เมื่อทางเว็บไซต์ Bloomberg รายงานว่า Netflix กำลังวางแผนจะเพิ่มเกมลงในบริการสมัครสมาชิกภายในปีหน้า
โดยทาง Netflix ได้ทำการว่าจ้าง Mike Verdu ซึ่งเคยทำงานเป็นผู้บริหารวิดีโอเกมจาก Facebook และก่อนหน้านั้นสองปีเขาก็ทำงานที่บริษัทเกมชื่อดังอย่าง Electronic Arts อีกด้วย ซึ่งหมายความว่าทาง Netflix อาจกำลังคิดจะสร้างเกมของตัวเองขึ้นมาภายในปีหน้าแล้วจริงๆ
ในส่วนของเนื้อหาเกมก็จะปรากฏควบคู่ไปกับเนื้อหาด้านอื่นๆ และมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนเหมือนการแบ่งเนื้อหาภาพยนตร์ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะมีการเก็บเงินเพิ่มเติมในส่วนนี้หรือไม่ นอกจากนั้นในเดือนหน้าทาง Netflix ก็จะสร้างทีมสำหรับดูแลรับผิดชอบเนื้อหาของเกมอีกด้วย โดย Netflix ในปัจจุบันเองก็มีเนื้อหาที่เราคนดูสามารถมี interactive กับภาพยนตร์ และกำหนดทิศทางของเนื้อเรื่องได้แล้ว เช่น Carmen Sandiego หรือ Black Mirror เป็นต้น
แม้จะดูเป็นการตัดสินใจที่แปลกสำหรับบริษัทที่นำเสนอสื่อเกี่ยวกับภาพยนตร์ ซึ่งจะหันมาลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมเกม แต่เมื่อพิจารณาจากการที่ Netflix นั้นเป็นคู่แข่งกับ Amazon Prime และ Disney Plus ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาพยายามจะหาลูกเล่นใหม่ๆ ซึ่งจะสามารถเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับบริษัทนั่นเองค่ะ
Credit: Kotaku