GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
[บทความ] ย้อนรอย Mad Max เกมแอคชั่นน้ำดี ที่ไม่มีโอกาสได้เฉิดฉาย
ลงวันที่ 16/08/2022

การเลือกที่จะวางจำหน่ายเกมสักเกมหนึ่ง อาจจะต้องผ่านการวางแผนจากทีมการตลาดของค่ายเกมนั้น ๆ ว่าจะวางขายช่วงไหน จึงจะได้ผลตอบรับที่ดี แต่การวางแผนก็ใช่ว่าจะได้ผลทุกครั้งไป เมื่อต้องชนกับเกมใหญ่ ๆ หรือเกมที่ฟอร์มดีกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเกมนี้ก็ถือว่าเป็นเกมดี แต่ดันมาผิดที่ ผิดเวลา จนทำให้มันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คอหนังอาจจะรู้จักเกมนี้เป็นอย่างดี ส่วนคอเกมยังไงก็ต้องเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแน่ ๆ เพราะวันนี้เราจะหยิบเอาเกมแอ็คชั่นสุดมันส์ แต่มาผิดเวลาอย่าง Mad Max มาให้ได้รู้จักกัน

กว่าจะได้มาเป็นเกม Mad Max


ก่อนอื่นเราคงต้องแนะนำให้แฟนเกมที่ไม่รู้จักต้นฉบับหนังได้รู้จักกันก่อน Mad Max คือซีรีส์ภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดดิบ ผลงานของผู้กำกับมากฝีมือ George Miller โดยหนังภาคแรกนั้น ออกฉายตั้งแต่ปี 1979 เชื่อว่าเกมเมอร์และผู้อ่านหลายคนยังไม่เกิดกันอย่างแน่นอน ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้คือแอ็คชั่นคัลท์คลาสสิค ที่เน้นความดุดัน และความดิบเข้าว่า หนังยังมีภาคต่อตามออกมาอีก 3 ภาค คือภาค 2 The Road Warrior ในปี 1981 ภาค 3 Beyond the Thunderdome ในปี 1985 ก่อนจะหายไปกว่า 30 ปี และกลับมาในเวอร์ชั่นรีบูทอย่าง Mad Max: Fury Road ในปี 2015


ในปี 2008 นั้น George Miller ได้ให้สัมภาษณ์และพูดถึงการสร้างเกมนี้ โดยในตอนแรกเขาร่วมมือกับ Cory Barlog ผู้กำกับเกม God of War ที่ตอนนั้นเพิ่งออกจาก Sony Computer Entertainment และแผนตอนแรกก็คือ จะเป็นเกมที่วางจำหน่ายพร้อมกับที่ภาพยนตร์ออกฉาย ถึงขั้นที่ว่าภาพยนตร์ต้องชะลอการสร้าง เพื่อรอให้วิดีโอเกมพร้อมก่อน และตัวเกมอยู่ในช่วงการหาตัวแทนจำหน่าย ซึ่งก็มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างนี้ ท้ายที่สุด Avalanche Studios จึงได้เข้ามารับหน้าที่พัฒนาและได้ WB Games จัดจำหน่าย

วิบากกรรมในการพัฒนาก็ลากยาวมาตั้งแต่ช่วงปี 2014 แม้ว่าตอนนั้นตัวภาพยนตร์ Mad Max: Fury Road จะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่เกมยังต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงและปรับแต่งใหม่ในช่วงพัฒนา ท้ายที่สุดตัวเกมจึงตัดสินใจที่จะไม่เชื่อมต่อกับหนัง และกลายเป็นเกมแยกเดี่ยวของตัวเอง สาเหตุเพราะทาง WB Games เชื่อว่า มันจะมีประโยชน์กับคนเล่นมากกว่า ไม่ต้องดูหนังก็สนุกได้ และท้ายที่สุด เกมก็พร้อมจะวางจำหน่ายในวันที่ 1 กันยายน 2015 ซึ่งช้ากว่าหนังฉายถึง 4 เดือนเต็ม

แรงบันดาลใจจากซีรีส์ Just Cause แต่คงอารมณ์ต้นฉบับของ Mad Max


ใครที่อ่านแล้วรู้สึกคุ้น ๆ ชื่อค่ายของ Avalanche Studios ก็ไม่ต้องแปลกใจนัก เพราะนี่คือชื่อของสตูดิโอที่ทำผลงานเกมแอ็คชั่นมันส์ถล่มโลกอย่างซีรีส์ Just Cause เกม Open World ระเบิดภูเขาเผากระท่อมสุดมัน แต่เปลี่ยนธีมและบรรยากาศให้เป็นทะเลทราย ความเวิ้งว้าง แต่ก็เต็มไปด้วยอันตราย ศัตรู และความโหดร้ายตามฉากหลังของเกม ซึ่งทางผู้พัฒนาเผยว่า ความท้าทายในการพัฒนาเกมนี้คือการสร้างพื้นที่รกร้าง แต่ต้องมีสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เพราะเกมนี้ ถือว่าเป็นเกมที่มีธีม Apocalypse เป็นเกมแรกของพวกเขาเลย

ทำให้ระบบหลาย ๆ อย่าง ใครที่เคยเล่น Just Cause มาก่อน ก็จะทำความเข้าใจกับได้ในเวลาไม่นานนัก ตัวเกมจะเริ่มจากเนื้อเรื่องหลัก จนถึงช่วงที่ปลดล็อคเข้าสู่ Free Roam ที่เราจะไปไล่ถล่มฐานทัพศัตรู หรือออกสำรวจโลกอันกว้างใหญ่ โดยหัวใจหลักของเกมจะเน้นไปที่การต่อสู้กำจัดศัตรูให้เกลี้ยง รวมไปถึงการไขปริศนาบ้างเป็นบางครั้งบางคราว แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก และเราจะได้ทรัพยากรที่จำเป็นในการเอาชีวิตรอด เช่น น้ำ อาหาร น้ำมันที่ใช้สำหรับรถยนต์ และอุปกรณ์อัปเกรดทั้งตัวละคร Max และรถยนต์ของเรา


บรรยากาศ ถือว่าเป็นอะไรที่เกมนี้นำเสนอออกมาได้ดีมาก ๆ ต้องยอมรับว่า ครั้งแรกที่เราได้เห็นตัวเกม ความน่าเล่นอาจจะลดน้อยลงไปมาก เพราะ Open World ที่มีแต่ความแห้งแล้งเวิ้งว้าง มันไม่น่าดึงดูดเท่ากับตัวเกม แต่หากใครเคยเล่นจะสัมผัสได้ด้วยตัวเองเลยว่า โลกภายในเกมนี้มีอะไรมากกว่าที่คิดไว้เยอะ และทีม Avalanche Studios ก็สามารถต่อยอดโลกของเกมมาได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องมี Grappling Hook ไม่ต้องมีความโม้เวอร์วังแบบ Rico Rodriguez ใน Just Cause ก็สามารถสนุกกับมันได้

เกมแอ็คชั่นที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถมากกว่าบนพื้นดิน


Mad Max เป็นเกม Action / Adventure / Open World ที่เราจะได้ต่อสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่าหมัดเปลือย ถึงแม้จะมีอาวุธให้ใช้ แต่ก็ไม่ได้ใช้บ่อยสักเท่าไรนัก แต่ระบบ Combat ที่เจ๋งจริง ๆ ของมันก็คือการที่เราจะได้เตะต่อยศัตรูอย่างดุเดือด ราวกับเล่น Batman Arkham ในเวอร์ชั่นที่เร้าใจยิ่งกว่า และที่เจ๋งกว่าการใช้อาวุธปืน คือการต่อสู้บนรถ โดยบอกได้ว่า การต่อสู้กว่า 60% ภายในเกมนี้จะเป็นการต่อสู้บนรถซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราสามารถตกแต่งรถยนต์ของเราให้กลายเป็นรถติดอาวุธสุดแกร่งได้ เราสามารถขับรถและเล็งอาวุธไปพร้อม ๆ กันได้ และเรายังมีผู้ช่วยอย่าง Chumbucket คอยช่วยเหลืออยู่ด้วย

ตัวรถเมื่ออัปเกรดแล้วก็ทำได้ทั้งการยิงฉมวก การติดหนามไว้ที่ล้อ หรือทำให้ตัวถังแข็งแกร่งพอจะเข้าไปชนรถศัตรูจนพลิกคว่ำและระเบิดได้ แน่นอนว่าการต่อสู้บนรถเป็นหลักแบบนี้ ทำให้ศัตรูในเกมมีประเภทขบวน Convoy ขนาดใหญ่ที่เพิ่มความตื่นเต้นเวลาเดินทางไปมาเขตใหม่ ทำให้เราต้องคอยรับมือกับศัตรูตลอดเวลา ยังไม่รวมสภาพอากาศอันเลวร้าย อย่างพายุทราย ที่เสี่ยงทำให้รถเราพังอีกต่างหาก 


ทั้งหมดที่ว่ามา กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Mad Max กลายเป็นเกมที่ถูกพูดถึงโดยเหล่าแฟนเกม โดยไม่จำเป็นต้องไปเชื่อมโยงกับหนัง เพราะระบบแอ็คชั่น การต่อสู้ และความดุเดือดของตัวเกมที่ถือว่าสนุกไม่แพ้เกมอื่นใดเลย แต่ข้อเสียหลัก ๆ ของมันอยู่ที่จังหวะของเกมเพลย์ สำหรับคนที่เล่นเกม Open World นั้น นิสัยเถลไถล ไล่ทำภารกิจเสริมข้างทาง ฟาร์มจนตัวละครแข็งแกร่งชนิดเป็นเทพเจ้า น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนทำกันเป็นประจำ ซึ่งถ้าหากทำในเกมนี้ ก็บอกเลยว่า ฉากสุดท้ายและ Final Boss ของคุณ อาจจะน่าเบื่อจนคุณรู้สึกแย่กับตัวเกมไปเลย เพราะตัวละครของคุณจะแกร่งจนเกินความพอดี เรียกได้ว่าซัดบอส ซัดศัตรูระดับสูงร่วงในไม่กี่หมัด ดังนั้นเกมนี้ ถ้าอยากฟาร์มแบบอิ่ม ๆ แล้วค่อยไปจบเกม ก็เลือกเล่นความยากระดับสูงไปเลยจะดีกว่า

เกมดี แต่ดันออกผิดที่ ผิดเวลา


สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารวงการเกมมาอย่างยาวนาน น่าจะรู้ดีว่า ช่วงเวลาที่ Mad Max วางจำหน่ายนั้น ถือว่าเป็นการวางจำหน่ายชนกับเกมยักษ์ใหญ่ แถมได้รับความสนใจเยอะกว่ามาก นั่นคือ Metal Gear Solid V: The Phantom Pain ของ Hideo Kojima นั่นเอง สาเหตุเพราะในตอนนั้น การโหมโปรโมทของทาง KONAMI บวกกับกระแสข่าวว่านี่คือภาคปิดตำนานส่งท้ายแฟรนไชสซีรีส์ที่มีอายุยืนนานได้มาถึงแล้ว แม้ว่าตัวเกมจะมีปัญหาเรื่องความระหองระแหงในการพัฒนาระหว่างตัว Kojima และ KONAMI เอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระแสของเกมเบาบางลง

แน่นอนว่าเกมฟอร์มใหญ่ขนาดนั้นกับเกม IP ใหม่ที่ไม่มีอะไรรับประกันความสำเร็จได้ ผู้เล่นจึงเลือกไม่ยาก และหันไปสนใจ Metal Gear Solid V แทน ทำให้ยอดขายของตัวเกมนั้น เป็นอันดับ 2 รองจาก MGSV เพียงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม กระแสปากต่อปากก็ทำให้ตัวเกมทำยอดขายได้สูงขึ้นตามลำดับเวลา แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่มากพอที่จะผลักดันให้เกมมีภาคต่อ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่า ตัวเกมในตอนนั้นได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว และถ้าทำอีกจะเล่าเรื่องยากมาก ๆ จึงไม่มีโปรเจกต์ภาคต่อตามออกมา 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว Mad Max ก็ถือว่าเป็นเกมแอ็คชั่นน้ำดีอีกเกม ที่ปัจจุบันก็ลดราคาลงจนถูกมาก ๆ แล้ว ใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองเล่นดู ขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาด แล้วคุณจะรู้ได้เองว่าเกมนี้มีดีเยอะมาก ไม่ดีอย่างเดียวคือ เลือกวันวางจำหน่ายพลาดไปจริง ๆ


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[บทความ] ย้อนรอย Mad Max เกมแอคชั่นน้ำดี ที่ไม่มีโอกาสได้เฉิดฉาย
16/08/2022

การเลือกที่จะวางจำหน่ายเกมสักเกมหนึ่ง อาจจะต้องผ่านการวางแผนจากทีมการตลาดของค่ายเกมนั้น ๆ ว่าจะวางขายช่วงไหน จึงจะได้ผลตอบรับที่ดี แต่การวางแผนก็ใช่ว่าจะได้ผลทุกครั้งไป เมื่อต้องชนกับเกมใหญ่ ๆ หรือเกมที่ฟอร์มดีกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเกมนี้ก็ถือว่าเป็นเกมดี แต่ดันมาผิดที่ ผิดเวลา จนทำให้มันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คอหนังอาจจะรู้จักเกมนี้เป็นอย่างดี ส่วนคอเกมยังไงก็ต้องเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแน่ ๆ เพราะวันนี้เราจะหยิบเอาเกมแอ็คชั่นสุดมันส์ แต่มาผิดเวลาอย่าง Mad Max มาให้ได้รู้จักกัน

กว่าจะได้มาเป็นเกม Mad Max


ก่อนอื่นเราคงต้องแนะนำให้แฟนเกมที่ไม่รู้จักต้นฉบับหนังได้รู้จักกันก่อน Mad Max คือซีรีส์ภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดดิบ ผลงานของผู้กำกับมากฝีมือ George Miller โดยหนังภาคแรกนั้น ออกฉายตั้งแต่ปี 1979 เชื่อว่าเกมเมอร์และผู้อ่านหลายคนยังไม่เกิดกันอย่างแน่นอน ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้คือแอ็คชั่นคัลท์คลาสสิค ที่เน้นความดุดัน และความดิบเข้าว่า หนังยังมีภาคต่อตามออกมาอีก 3 ภาค คือภาค 2 The Road Warrior ในปี 1981 ภาค 3 Beyond the Thunderdome ในปี 1985 ก่อนจะหายไปกว่า 30 ปี และกลับมาในเวอร์ชั่นรีบูทอย่าง Mad Max: Fury Road ในปี 2015


ในปี 2008 นั้น George Miller ได้ให้สัมภาษณ์และพูดถึงการสร้างเกมนี้ โดยในตอนแรกเขาร่วมมือกับ Cory Barlog ผู้กำกับเกม God of War ที่ตอนนั้นเพิ่งออกจาก Sony Computer Entertainment และแผนตอนแรกก็คือ จะเป็นเกมที่วางจำหน่ายพร้อมกับที่ภาพยนตร์ออกฉาย ถึงขั้นที่ว่าภาพยนตร์ต้องชะลอการสร้าง เพื่อรอให้วิดีโอเกมพร้อมก่อน และตัวเกมอยู่ในช่วงการหาตัวแทนจำหน่าย ซึ่งก็มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างนี้ ท้ายที่สุด Avalanche Studios จึงได้เข้ามารับหน้าที่พัฒนาและได้ WB Games จัดจำหน่าย

วิบากกรรมในการพัฒนาก็ลากยาวมาตั้งแต่ช่วงปี 2014 แม้ว่าตอนนั้นตัวภาพยนตร์ Mad Max: Fury Road จะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่เกมยังต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงและปรับแต่งใหม่ในช่วงพัฒนา ท้ายที่สุดตัวเกมจึงตัดสินใจที่จะไม่เชื่อมต่อกับหนัง และกลายเป็นเกมแยกเดี่ยวของตัวเอง สาเหตุเพราะทาง WB Games เชื่อว่า มันจะมีประโยชน์กับคนเล่นมากกว่า ไม่ต้องดูหนังก็สนุกได้ และท้ายที่สุด เกมก็พร้อมจะวางจำหน่ายในวันที่ 1 กันยายน 2015 ซึ่งช้ากว่าหนังฉายถึง 4 เดือนเต็ม

แรงบันดาลใจจากซีรีส์ Just Cause แต่คงอารมณ์ต้นฉบับของ Mad Max


ใครที่อ่านแล้วรู้สึกคุ้น ๆ ชื่อค่ายของ Avalanche Studios ก็ไม่ต้องแปลกใจนัก เพราะนี่คือชื่อของสตูดิโอที่ทำผลงานเกมแอ็คชั่นมันส์ถล่มโลกอย่างซีรีส์ Just Cause เกม Open World ระเบิดภูเขาเผากระท่อมสุดมัน แต่เปลี่ยนธีมและบรรยากาศให้เป็นทะเลทราย ความเวิ้งว้าง แต่ก็เต็มไปด้วยอันตราย ศัตรู และความโหดร้ายตามฉากหลังของเกม ซึ่งทางผู้พัฒนาเผยว่า ความท้าทายในการพัฒนาเกมนี้คือการสร้างพื้นที่รกร้าง แต่ต้องมีสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เพราะเกมนี้ ถือว่าเป็นเกมที่มีธีม Apocalypse เป็นเกมแรกของพวกเขาเลย

ทำให้ระบบหลาย ๆ อย่าง ใครที่เคยเล่น Just Cause มาก่อน ก็จะทำความเข้าใจกับได้ในเวลาไม่นานนัก ตัวเกมจะเริ่มจากเนื้อเรื่องหลัก จนถึงช่วงที่ปลดล็อคเข้าสู่ Free Roam ที่เราจะไปไล่ถล่มฐานทัพศัตรู หรือออกสำรวจโลกอันกว้างใหญ่ โดยหัวใจหลักของเกมจะเน้นไปที่การต่อสู้กำจัดศัตรูให้เกลี้ยง รวมไปถึงการไขปริศนาบ้างเป็นบางครั้งบางคราว แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก และเราจะได้ทรัพยากรที่จำเป็นในการเอาชีวิตรอด เช่น น้ำ อาหาร น้ำมันที่ใช้สำหรับรถยนต์ และอุปกรณ์อัปเกรดทั้งตัวละคร Max และรถยนต์ของเรา


บรรยากาศ ถือว่าเป็นอะไรที่เกมนี้นำเสนอออกมาได้ดีมาก ๆ ต้องยอมรับว่า ครั้งแรกที่เราได้เห็นตัวเกม ความน่าเล่นอาจจะลดน้อยลงไปมาก เพราะ Open World ที่มีแต่ความแห้งแล้งเวิ้งว้าง มันไม่น่าดึงดูดเท่ากับตัวเกม แต่หากใครเคยเล่นจะสัมผัสได้ด้วยตัวเองเลยว่า โลกภายในเกมนี้มีอะไรมากกว่าที่คิดไว้เยอะ และทีม Avalanche Studios ก็สามารถต่อยอดโลกของเกมมาได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องมี Grappling Hook ไม่ต้องมีความโม้เวอร์วังแบบ Rico Rodriguez ใน Just Cause ก็สามารถสนุกกับมันได้

เกมแอ็คชั่นที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถมากกว่าบนพื้นดิน


Mad Max เป็นเกม Action / Adventure / Open World ที่เราจะได้ต่อสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่าหมัดเปลือย ถึงแม้จะมีอาวุธให้ใช้ แต่ก็ไม่ได้ใช้บ่อยสักเท่าไรนัก แต่ระบบ Combat ที่เจ๋งจริง ๆ ของมันก็คือการที่เราจะได้เตะต่อยศัตรูอย่างดุเดือด ราวกับเล่น Batman Arkham ในเวอร์ชั่นที่เร้าใจยิ่งกว่า และที่เจ๋งกว่าการใช้อาวุธปืน คือการต่อสู้บนรถ โดยบอกได้ว่า การต่อสู้กว่า 60% ภายในเกมนี้จะเป็นการต่อสู้บนรถซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราสามารถตกแต่งรถยนต์ของเราให้กลายเป็นรถติดอาวุธสุดแกร่งได้ เราสามารถขับรถและเล็งอาวุธไปพร้อม ๆ กันได้ และเรายังมีผู้ช่วยอย่าง Chumbucket คอยช่วยเหลืออยู่ด้วย

ตัวรถเมื่ออัปเกรดแล้วก็ทำได้ทั้งการยิงฉมวก การติดหนามไว้ที่ล้อ หรือทำให้ตัวถังแข็งแกร่งพอจะเข้าไปชนรถศัตรูจนพลิกคว่ำและระเบิดได้ แน่นอนว่าการต่อสู้บนรถเป็นหลักแบบนี้ ทำให้ศัตรูในเกมมีประเภทขบวน Convoy ขนาดใหญ่ที่เพิ่มความตื่นเต้นเวลาเดินทางไปมาเขตใหม่ ทำให้เราต้องคอยรับมือกับศัตรูตลอดเวลา ยังไม่รวมสภาพอากาศอันเลวร้าย อย่างพายุทราย ที่เสี่ยงทำให้รถเราพังอีกต่างหาก 


ทั้งหมดที่ว่ามา กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Mad Max กลายเป็นเกมที่ถูกพูดถึงโดยเหล่าแฟนเกม โดยไม่จำเป็นต้องไปเชื่อมโยงกับหนัง เพราะระบบแอ็คชั่น การต่อสู้ และความดุเดือดของตัวเกมที่ถือว่าสนุกไม่แพ้เกมอื่นใดเลย แต่ข้อเสียหลัก ๆ ของมันอยู่ที่จังหวะของเกมเพลย์ สำหรับคนที่เล่นเกม Open World นั้น นิสัยเถลไถล ไล่ทำภารกิจเสริมข้างทาง ฟาร์มจนตัวละครแข็งแกร่งชนิดเป็นเทพเจ้า น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนทำกันเป็นประจำ ซึ่งถ้าหากทำในเกมนี้ ก็บอกเลยว่า ฉากสุดท้ายและ Final Boss ของคุณ อาจจะน่าเบื่อจนคุณรู้สึกแย่กับตัวเกมไปเลย เพราะตัวละครของคุณจะแกร่งจนเกินความพอดี เรียกได้ว่าซัดบอส ซัดศัตรูระดับสูงร่วงในไม่กี่หมัด ดังนั้นเกมนี้ ถ้าอยากฟาร์มแบบอิ่ม ๆ แล้วค่อยไปจบเกม ก็เลือกเล่นความยากระดับสูงไปเลยจะดีกว่า

เกมดี แต่ดันออกผิดที่ ผิดเวลา


สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารวงการเกมมาอย่างยาวนาน น่าจะรู้ดีว่า ช่วงเวลาที่ Mad Max วางจำหน่ายนั้น ถือว่าเป็นการวางจำหน่ายชนกับเกมยักษ์ใหญ่ แถมได้รับความสนใจเยอะกว่ามาก นั่นคือ Metal Gear Solid V: The Phantom Pain ของ Hideo Kojima นั่นเอง สาเหตุเพราะในตอนนั้น การโหมโปรโมทของทาง KONAMI บวกกับกระแสข่าวว่านี่คือภาคปิดตำนานส่งท้ายแฟรนไชสซีรีส์ที่มีอายุยืนนานได้มาถึงแล้ว แม้ว่าตัวเกมจะมีปัญหาเรื่องความระหองระแหงในการพัฒนาระหว่างตัว Kojima และ KONAMI เอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระแสของเกมเบาบางลง

แน่นอนว่าเกมฟอร์มใหญ่ขนาดนั้นกับเกม IP ใหม่ที่ไม่มีอะไรรับประกันความสำเร็จได้ ผู้เล่นจึงเลือกไม่ยาก และหันไปสนใจ Metal Gear Solid V แทน ทำให้ยอดขายของตัวเกมนั้น เป็นอันดับ 2 รองจาก MGSV เพียงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม กระแสปากต่อปากก็ทำให้ตัวเกมทำยอดขายได้สูงขึ้นตามลำดับเวลา แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่มากพอที่จะผลักดันให้เกมมีภาคต่อ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่า ตัวเกมในตอนนั้นได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว และถ้าทำอีกจะเล่าเรื่องยากมาก ๆ จึงไม่มีโปรเจกต์ภาคต่อตามออกมา 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว Mad Max ก็ถือว่าเป็นเกมแอ็คชั่นน้ำดีอีกเกม ที่ปัจจุบันก็ลดราคาลงจนถูกมาก ๆ แล้ว ใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองเล่นดู ขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาด แล้วคุณจะรู้ได้เองว่าเกมนี้มีดีเยอะมาก ไม่ดีอย่างเดียวคือ เลือกวันวางจำหน่ายพลาดไปจริง ๆ


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header