ต้องยอมรับเลยว่าการมาถึงของ Blockchain ส่งผลต่อพฤติกรรการใช้ชีวิตของเราอยู่หลายอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่ง 'วิธีการหาเงินแบบใหม่' ที่จะมาเป็นรายได้เสริมให้เรา แลกกับการทำกิจกรรมบางอย่างเท่านั้น
ซึ่งถ้าให้พูดกันตามจริง ไอเดียนี้ก็คล้ายกับการทำ Cryptocurrency Mining ที่เคยมีข่าวว่าใช้ฮาร์ดดิสก์และการ์ดจอในการมาประมวลผลในการขุดบิตคอยน์จนสินค้าขาดตลาดมาแล้ว แต่ในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องเปลืองพลังงานและทรัพยากรณ์ ขนาดนั้นแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นการตอบโต้กับระบบเพื่อให้เหรียญคริปโตออกมาแทน ซึ่งจะทำอย่างไรได้บ้างนั้น เราตามไปดูด้านล่างนี้กันเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อันนี้เชื่อว่าเกมเมอร์ต้องคุ้นหูแน่นอน และทาง GameFever เองก็ได้ลงบทความเกี่ยวกับเกมแนวนี้ไปพอสมควร ซึ่งคอนเซปต์นี้ก็คือการ "เล่นเกมแล้วได้เงิน" นั่นเอง แถมมาอย่างถูกนโยบายเกมและมี Defi เป็นตัวควบคุมและตรวจสอบความโปร่งใสทางธุรกรรมด้วย
ซึ่งกติกาการรับเงินก็จะแตกต่างกันไปตามแนวเกม ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มทรัพยากรมาแลกเหรียญคริปโต แบบในเกม Morning Moon Village และ A3: Still Alive ประลองให้ชนะเพื่อสะสมคะแนนรับรางวัล อย่างใน Thetan Arena เล่นมินิเกมเพื่อสะสมพลังงานไปทำการผลิตเหรียญ จากเกม Roller Coin สร้าง NFT มาขาย อย่าง Mir4 หรือ Axie Infinity ไปจนถึงแนว Click-to-Earn ที่แค่ส่งคำสั่งเล็กน้อยเหมือนเกม IDLE แล้วรอให้กิจกรรมในเกมดำเนินไปแล้วได้เหรียญคริปโตตอบแทนกลับมา หรือแม้แต่แนว Endless Run ก็มีให้เลือกเล่นกับเขาด้วยนะ! เรียได้ว่าครอบคลุมทุกสไตล์การเล่นเลย
และ ณ ตอนนี้เหล่าเกมเก่าระดับตำนานก็กำลังตบเท้ากันลงสนาม Play-to-Earn กันมากขึ้น รับรองว่าจากนี้ไปจะมีเกมสนุก ๆ ให้เราเลือกเล่นอีกเยอะเลยล่ะ
สุขภาพดี ๆ ที่ใช้เหงื่อแลกเงิน การออกกำลังกายเพื่อรับเงินนี้ก็คล้ายกับเทรนด์การ Tracking การออกกำลังกาย ที่หลายคนจะบันทึกผลการทำกิจกรรมแล้วโชว์หน้าแอปฯ นี้ลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ เช่นเดียวกัน โปรเจคนี้จะติดตามและให้เราส่งผลงานการออกกำลังกายผ่านแอปฯ ต่าง ๆ เข้าไปในระบบเพื่อประมวลผลและส่งเหรียญของแพลตฟอร์มให้เป็นการตอบแทน จากนั้นเราก็นำขึ้นกระดาน Trade ต่อได้เลย!
ซึ่งผู้รันโปรเจคนี้ในปัจจุบัน หลัก ๆ ก็ได้แก่ Sweatcoin ที่ให้เราผูกแอปฯ ด้านสุขภาพบนมือถือเข้ากับระบบ จากนั้น Sweatcoin จะตามติดการเดินของเราทุกก้าว เมื่อครบ 1,000 ก้าวก็จะได้เหรียญ Sweat เป็นการตอบแทน ซึ่งผู้ใช้สามารถนไปแลกอุปกรณ์ออกกำลังกาย คลาสเรียนออกกำลังกาย หรือข้อเสนออื่น ๆ จากพาร์ทเนอร์ของแอปฯ ได้
และอีกเจ้าที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Wirtual ที่หลักการทำงานก็เหมือน Sweatcoin เลย แต่พิเศษตรงที่ Wirtual สามารถเลือกรูปแบบการออกกำลังกายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, Body Weight, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน ก็ล้วนทำได้ทั้งสิ้น แถมยังมี Avatar พร้อมคอสตูม NFT สวย ๆ ให้เราเลือกใส่เพื่อเตรียมการเข้าสู่โลก Metaverse ด้วย
สายแฟชั่นต้องมาทางนี้เลย~ เมื่อการแต่งตัวสวย ๆ จะไม่ใช่เรื่องเสียเงิน (อย่างเดียว) อีกต่อไป แต่เรายังสามารถรับค่าตอบแทนจากการสร้างกระแสแฟชั่นได้ ในโลกของ Blockchain ซึ่งแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่เราจะนำมาใส่นั้นอยู่ในรูปของ NFT โดยแรงบันดาลใจของโปรเจคก็มาจากผลสำเร็จของ Play-to-Earn นั่นแหละ
หลายคนน่าจะเคยเล่นแต่งตัวตุ๊กตากันมาบ้าง นั่นแหละคอนเซปต์ของ Wear-to-Earn ที่จะให้เราแต่งตัวให้ Avatar ในโลกเสมือนอย่าง Metaverse โดยเราสามารถออกแบบหรือซื้อจากแบรนด์ที่มี มาสวมให้ Avatar แทนตัวเรา และถ้ามันเป็นกระแสล่ะก็ ชุดนั้นก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นมา และเราก็สามารถซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนแบบเดียวกับตลาด NFT Art ได้เลย แถมยังส่งผลดีต่อุตสาหกรรมแฟชั่นในโลกจริงได้ดีด้วย เพราะจะสามารถลดการผลิตเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนตามเทรนด์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้โรงงานปล่อยมลภาวะน้อยลง และแบรนด์ที่ลงมาเล่นโปรเจคนี้ก็จะมีโอกาสได้โปรโมตตัวเองในช่องทางที่หลากหลายขึ้นอีกด้วย
โปรเจคชื่อดังที่เข้ามาร่วมสร้างกรแสแฟชั้นในโลดิจดทัลแล้ว ก็ได้แก่ DressX ที่เราสามารถอัปโหลดรูปตัวเองแล้วนำชุดที่ปรับแต่งในโปรแกรมมาสวมใส่เป็นชุดใหม่ได้, Dolce & Gabbana (D&G) แบรนด์แฟชั่นสุดหรู ที่ได้นำสินค้าลงมาในรูปแบบ NFT ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และแน่นอน รีบซื้อมาใส่อวดแล้วรีบขายต่อรับรองคืนทุนเร็ว รวมไปถึง Wear-to-Earn ที่มาอยู่ในรูปแบบเกมเลยอย่าง Fortnite x Balenciaga และ Louis: The Game ที่ GameFever เราเคยรีวิวไว้แล้วนั่นเอง
จะดีแค่ไหนถ้าฟังเพลงอยู่ดี ๆ เงินก็เด้งเข้าบัญชี นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ Gala เชนที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงเจ้าหนึ่งของวงการ ได้สร้างแพลตฟอร์มชื่อ Gala Music ขึ้นมา โดยเขาบอกว่าแพลตฟอร์มนี้จะ "เป็นศูนย์กลางของโลกที่จะให้ผลตอบแทนศิลปินและแฟนเพลง"
โดยวิธีการทำงานคือ ศิลปินจะอัปโหลด (mint) NFT Song ลงใน Gala Music เพื่อให้แฟนเพลงและ Collector เข้ามาซื้อ จากนั้นผู้ที่ถือครอง NFT ก็จะนำไปจับคู่กับ Music Node เพื่อเล่นเพลง และทุกครั้งที่มีการเล่นเพลงทั้งศิลปินและเจ้าของ NFT ก็จะได้ค่าตอบแทนคืนมารวมถึงผู้ที่เข้ามาฟังเองก็จะได้เหรียญกับเขาด้วย
ซึ่ง Node ก็คาดว่าน่าจะคล้ายกับ Streaming Platform ซึ่งจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อเราซื้อ License มาก่อนและ NFT ที่ปล่อยออกมาแล้วในตอนนี้ก็มี 1 เพลงถ้วน นั่นคือ The Stash Box ของ Snoop Dogg โดยมีจำนวนจำกัดในการขายรอบแรกที่ 25,000 node และแน่นอนว่า หมดแล้วจ้า~ ถึงแม้โปรเจคนี้จะยังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างเต็มตัว แต่ก็มีผลลัพธ์ให้เห็นแล้วว่ามีคนให้ความสนใจและมั่นใจในโปรเจคนี้มากแค่ไหน ก็ต้องรอดูต่อไปว่า หากเปิดใช้งานแบบเต็มอัตราแล้วจะมีฟังก์ชั่นอะไรเจ๋ง ๆ เพิ่มเข้ามาอีกบ้าง
"ถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณอยากทำอาชีพอะไร" เชื่อว่าคำตอบยอดฮิตที่หลายคนคงอยากจะตอบ (ไม่ว่าจะตั้งใจตอบจริง หรืออยากกวนบาทาก็ตาม) ก็คือ "นอน" และอาชีพในฝันนี้กำลังจะกำเนิดขึ้นจริง เมื่อ Sleep Future ได้ปล่อยโปรเจค Sleep-to-Earn ที่เราจะได้รับเงินขณะหลับ ผ่านเหรียญ $SLEEPEE
โดยหลักการทำงานก็มาทางเดียวกับ Exercise-to-Earn เลย นั่นก็คือการ Tracking การนอนของเราผ่านแอปฯ ตระกูล Wellness โดยจะนับคะแนนเป็น % ตัวอย่างเช่น 100% = 10 USDT นั่นหมายความว่ายิ่งเราหลับได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับโทเค็นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้เรายังสามารถ Stake สะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าได้อีก รวมทั้งเหรียญ $SLEEPEE ที่เราได้รับยังสามารถนำไปแลกสินค้าผ่านร้านค้าของ Sleep Future ได้อีกด้วย
แม้โปรเจคจะดูกาว แต่โอกาสเป็นไปได้ก็ยังสูงอยู่นะถ้าเทียบกับความใกล้เคียง Exercise-to-Earn ที่กำลังไปได้สวย โดยตอนนี้ Sleep Future กำลังปล่อย Pre-sale whitelist อยู่ ก็จับตามองกันต่อไปว่าจะท้ายที่สุดแล้วระบบการทำงานจะออกมาเป็นอย่างไร? เวิร์คแค่ไหน? คุ้มค่ากับการเข้าร่วมหรือเปล่า? แต่เชื่อว่าอ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเทใจให้โปเจคไปกว่าครึ่งแล้วล่ะ
ต้องยอมรับเลยว่าการมาถึงของ Blockchain ส่งผลต่อพฤติกรรการใช้ชีวิตของเราอยู่หลายอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่ง 'วิธีการหาเงินแบบใหม่' ที่จะมาเป็นรายได้เสริมให้เรา แลกกับการทำกิจกรรมบางอย่างเท่านั้น
ซึ่งถ้าให้พูดกันตามจริง ไอเดียนี้ก็คล้ายกับการทำ Cryptocurrency Mining ที่เคยมีข่าวว่าใช้ฮาร์ดดิสก์และการ์ดจอในการมาประมวลผลในการขุดบิตคอยน์จนสินค้าขาดตลาดมาแล้ว แต่ในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องเปลืองพลังงานและทรัพยากรณ์ ขนาดนั้นแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นการตอบโต้กับระบบเพื่อให้เหรียญคริปโตออกมาแทน ซึ่งจะทำอย่างไรได้บ้างนั้น เราตามไปดูด้านล่างนี้กันเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อันนี้เชื่อว่าเกมเมอร์ต้องคุ้นหูแน่นอน และทาง GameFever เองก็ได้ลงบทความเกี่ยวกับเกมแนวนี้ไปพอสมควร ซึ่งคอนเซปต์นี้ก็คือการ "เล่นเกมแล้วได้เงิน" นั่นเอง แถมมาอย่างถูกนโยบายเกมและมี Defi เป็นตัวควบคุมและตรวจสอบความโปร่งใสทางธุรกรรมด้วย
ซึ่งกติกาการรับเงินก็จะแตกต่างกันไปตามแนวเกม ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มทรัพยากรมาแลกเหรียญคริปโต แบบในเกม Morning Moon Village และ A3: Still Alive ประลองให้ชนะเพื่อสะสมคะแนนรับรางวัล อย่างใน Thetan Arena เล่นมินิเกมเพื่อสะสมพลังงานไปทำการผลิตเหรียญ จากเกม Roller Coin สร้าง NFT มาขาย อย่าง Mir4 หรือ Axie Infinity ไปจนถึงแนว Click-to-Earn ที่แค่ส่งคำสั่งเล็กน้อยเหมือนเกม IDLE แล้วรอให้กิจกรรมในเกมดำเนินไปแล้วได้เหรียญคริปโตตอบแทนกลับมา หรือแม้แต่แนว Endless Run ก็มีให้เลือกเล่นกับเขาด้วยนะ! เรียได้ว่าครอบคลุมทุกสไตล์การเล่นเลย
และ ณ ตอนนี้เหล่าเกมเก่าระดับตำนานก็กำลังตบเท้ากันลงสนาม Play-to-Earn กันมากขึ้น รับรองว่าจากนี้ไปจะมีเกมสนุก ๆ ให้เราเลือกเล่นอีกเยอะเลยล่ะ
สุขภาพดี ๆ ที่ใช้เหงื่อแลกเงิน การออกกำลังกายเพื่อรับเงินนี้ก็คล้ายกับเทรนด์การ Tracking การออกกำลังกาย ที่หลายคนจะบันทึกผลการทำกิจกรรมแล้วโชว์หน้าแอปฯ นี้ลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ เช่นเดียวกัน โปรเจคนี้จะติดตามและให้เราส่งผลงานการออกกำลังกายผ่านแอปฯ ต่าง ๆ เข้าไปในระบบเพื่อประมวลผลและส่งเหรียญของแพลตฟอร์มให้เป็นการตอบแทน จากนั้นเราก็นำขึ้นกระดาน Trade ต่อได้เลย!
ซึ่งผู้รันโปรเจคนี้ในปัจจุบัน หลัก ๆ ก็ได้แก่ Sweatcoin ที่ให้เราผูกแอปฯ ด้านสุขภาพบนมือถือเข้ากับระบบ จากนั้น Sweatcoin จะตามติดการเดินของเราทุกก้าว เมื่อครบ 1,000 ก้าวก็จะได้เหรียญ Sweat เป็นการตอบแทน ซึ่งผู้ใช้สามารถนไปแลกอุปกรณ์ออกกำลังกาย คลาสเรียนออกกำลังกาย หรือข้อเสนออื่น ๆ จากพาร์ทเนอร์ของแอปฯ ได้
และอีกเจ้าที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Wirtual ที่หลักการทำงานก็เหมือน Sweatcoin เลย แต่พิเศษตรงที่ Wirtual สามารถเลือกรูปแบบการออกกำลังกายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, Body Weight, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน ก็ล้วนทำได้ทั้งสิ้น แถมยังมี Avatar พร้อมคอสตูม NFT สวย ๆ ให้เราเลือกใส่เพื่อเตรียมการเข้าสู่โลก Metaverse ด้วย
สายแฟชั่นต้องมาทางนี้เลย~ เมื่อการแต่งตัวสวย ๆ จะไม่ใช่เรื่องเสียเงิน (อย่างเดียว) อีกต่อไป แต่เรายังสามารถรับค่าตอบแทนจากการสร้างกระแสแฟชั่นได้ ในโลกของ Blockchain ซึ่งแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่เราจะนำมาใส่นั้นอยู่ในรูปของ NFT โดยแรงบันดาลใจของโปรเจคก็มาจากผลสำเร็จของ Play-to-Earn นั่นแหละ
หลายคนน่าจะเคยเล่นแต่งตัวตุ๊กตากันมาบ้าง นั่นแหละคอนเซปต์ของ Wear-to-Earn ที่จะให้เราแต่งตัวให้ Avatar ในโลกเสมือนอย่าง Metaverse โดยเราสามารถออกแบบหรือซื้อจากแบรนด์ที่มี มาสวมให้ Avatar แทนตัวเรา และถ้ามันเป็นกระแสล่ะก็ ชุดนั้นก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นมา และเราก็สามารถซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนแบบเดียวกับตลาด NFT Art ได้เลย แถมยังส่งผลดีต่อุตสาหกรรมแฟชั่นในโลกจริงได้ดีด้วย เพราะจะสามารถลดการผลิตเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนตามเทรนด์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้โรงงานปล่อยมลภาวะน้อยลง และแบรนด์ที่ลงมาเล่นโปรเจคนี้ก็จะมีโอกาสได้โปรโมตตัวเองในช่องทางที่หลากหลายขึ้นอีกด้วย
โปรเจคชื่อดังที่เข้ามาร่วมสร้างกรแสแฟชั้นในโลดิจดทัลแล้ว ก็ได้แก่ DressX ที่เราสามารถอัปโหลดรูปตัวเองแล้วนำชุดที่ปรับแต่งในโปรแกรมมาสวมใส่เป็นชุดใหม่ได้, Dolce & Gabbana (D&G) แบรนด์แฟชั่นสุดหรู ที่ได้นำสินค้าลงมาในรูปแบบ NFT ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และแน่นอน รีบซื้อมาใส่อวดแล้วรีบขายต่อรับรองคืนทุนเร็ว รวมไปถึง Wear-to-Earn ที่มาอยู่ในรูปแบบเกมเลยอย่าง Fortnite x Balenciaga และ Louis: The Game ที่ GameFever เราเคยรีวิวไว้แล้วนั่นเอง
จะดีแค่ไหนถ้าฟังเพลงอยู่ดี ๆ เงินก็เด้งเข้าบัญชี นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ Gala เชนที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงเจ้าหนึ่งของวงการ ได้สร้างแพลตฟอร์มชื่อ Gala Music ขึ้นมา โดยเขาบอกว่าแพลตฟอร์มนี้จะ "เป็นศูนย์กลางของโลกที่จะให้ผลตอบแทนศิลปินและแฟนเพลง"
โดยวิธีการทำงานคือ ศิลปินจะอัปโหลด (mint) NFT Song ลงใน Gala Music เพื่อให้แฟนเพลงและ Collector เข้ามาซื้อ จากนั้นผู้ที่ถือครอง NFT ก็จะนำไปจับคู่กับ Music Node เพื่อเล่นเพลง และทุกครั้งที่มีการเล่นเพลงทั้งศิลปินและเจ้าของ NFT ก็จะได้ค่าตอบแทนคืนมารวมถึงผู้ที่เข้ามาฟังเองก็จะได้เหรียญกับเขาด้วย
ซึ่ง Node ก็คาดว่าน่าจะคล้ายกับ Streaming Platform ซึ่งจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อเราซื้อ License มาก่อนและ NFT ที่ปล่อยออกมาแล้วในตอนนี้ก็มี 1 เพลงถ้วน นั่นคือ The Stash Box ของ Snoop Dogg โดยมีจำนวนจำกัดในการขายรอบแรกที่ 25,000 node และแน่นอนว่า หมดแล้วจ้า~ ถึงแม้โปรเจคนี้จะยังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างเต็มตัว แต่ก็มีผลลัพธ์ให้เห็นแล้วว่ามีคนให้ความสนใจและมั่นใจในโปรเจคนี้มากแค่ไหน ก็ต้องรอดูต่อไปว่า หากเปิดใช้งานแบบเต็มอัตราแล้วจะมีฟังก์ชั่นอะไรเจ๋ง ๆ เพิ่มเข้ามาอีกบ้าง
"ถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณอยากทำอาชีพอะไร" เชื่อว่าคำตอบยอดฮิตที่หลายคนคงอยากจะตอบ (ไม่ว่าจะตั้งใจตอบจริง หรืออยากกวนบาทาก็ตาม) ก็คือ "นอน" และอาชีพในฝันนี้กำลังจะกำเนิดขึ้นจริง เมื่อ Sleep Future ได้ปล่อยโปรเจค Sleep-to-Earn ที่เราจะได้รับเงินขณะหลับ ผ่านเหรียญ $SLEEPEE
โดยหลักการทำงานก็มาทางเดียวกับ Exercise-to-Earn เลย นั่นก็คือการ Tracking การนอนของเราผ่านแอปฯ ตระกูล Wellness โดยจะนับคะแนนเป็น % ตัวอย่างเช่น 100% = 10 USDT นั่นหมายความว่ายิ่งเราหลับได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับโทเค็นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้เรายังสามารถ Stake สะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าได้อีก รวมทั้งเหรียญ $SLEEPEE ที่เราได้รับยังสามารถนำไปแลกสินค้าผ่านร้านค้าของ Sleep Future ได้อีกด้วย
แม้โปรเจคจะดูกาว แต่โอกาสเป็นไปได้ก็ยังสูงอยู่นะถ้าเทียบกับความใกล้เคียง Exercise-to-Earn ที่กำลังไปได้สวย โดยตอนนี้ Sleep Future กำลังปล่อย Pre-sale whitelist อยู่ ก็จับตามองกันต่อไปว่าจะท้ายที่สุดแล้วระบบการทำงานจะออกมาเป็นอย่างไร? เวิร์คแค่ไหน? คุ้มค่ากับการเข้าร่วมหรือเปล่า? แต่เชื่อว่าอ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเทใจให้โปเจคไปกว่าครึ่งแล้วล่ะ