GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
[บทความ] 8 เกมสยองขวัญ ที่เล่นกับ "ความมืด" ได้อย่างน่าสนใจ
ลงวันที่ 13/06/2022

'ความมืด' หากถามว่าถ้าผู้เล่นเจอสิ่งนี้ภายในเกม เราจะแก้ปัญหาด้วยอะไร หลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น ๆ ใช้แสงสว่าง หรือรอจนเช้า แน่นอนว่ามีหลากหลายวิธีในการจัดการความมืด แต่ถ้าหากว่าความมืดนั้นมันสามารถมีผลกับการเล่นเกมของเราได้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมล่ะ? มันจะน่าสนใจขนาดไหน? ซึ่งข้อดีที่น่าสนใจนั่นคือ ความมืดจะช่วยสร้างบรรยากาศความหวาดระแวง ความน่ากลัว รวมถึงความไม่ไว้ใจให้แก่ผู้เล่น จึงทำให้ผู้พัฒนาหลาย ๆ เกมมองในจุดนี้พวกเขาจึงได้ทำให้ความืดมีบทบาทกับการเล่นเกมของตนเองมากขึ้น ดังนั้นในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะได้รวบรวม 8 เกมสยองขวัญที่นำเสนอความมืดได้อย่างน่าสนใจถ้าใครพร้อมจะเข้าสู้ด้านมืดกันแล้ว มาดูกันเลย!

1. Slender: The Eight Pages - นำเสนอความกลัวผ่านความมืด

เป็นเกมอินดี้แนวสยองขวัญมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่พัฒนาโดย Parsec Productions ในปี 2012 ซึ่งเป็นเกมที่สามารถเล่นได้ฟรี แต่ปัจจุบันมีการ Remake เป็นแบบเสียเงินใน Steam แล้ว โดยตัวเกมจะเซ็ตฉากหลังหลัก ๆ ไว้อย่างเข้าใจง่าย ๆ นั่นคือ ตัวเอกตื่นขึ้นมาท่ามกลางป่าอันมืดมิด โดยเขาจะต้องหาหน้ากระดาษให้ครบ 8 แผ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหนีจาก Slender Man ด้วย ซึ่งจุดน่าสนใจนั่นคือตัวเกมนำเสนอ 'ความกลัวผ่านความมืด' ได้ดีมาก ๆ เพราะสร้างความหลอนให้กับผู้เล่นได้ดีจนตัวเกมกลายเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง 


สำหรับแง่ของความมืดนั้นตัวเกมจะมอบทั้งความหลอนให้ผู้เล่นรู้สึกกังวล หวาดระแวงตลอดเวลา รวมถึงยิ่งเก็บกระดาษได้เยอะ ตัวเกมก็จะเริ่มก่อกวนผู้เล่นตั้งแต่เสียงพึมพำ เสียงกระซิบ เสียงลมโถม นอกจากนี้เรายังไม่สามารถที่จะต่อสู้กับความมืดหรือศัตรูในเกมได้ และต้องอาศัยเพียงแสงไฟฉายเล็ก ๆ ที่ช่วยให้อุ่นใจเล็กน้อย แถมบางครั้งไฟก็ดับ ๆ ติด ๆ จนทำให้หลายคนอาจจะกลัวความมืดเพราะเกมนี้ไปเลย


2. Alan Wake - ใช้แสงเอาชนะความมืด!

อีกหนึ่งเกมแนวสยองขวัญ Action-Adventure ที่พัฒนาโดย Remedy Entertainment ในปี 2010 โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักเขียนนิยายแนวระทึกขวัญอย่าง 'Alan Wake' เช่นเดียวกับชื่อเกม ซึ่งเขาจะได้พบว่าตัวเองได้เผชิญหน้ากับเรื่องราว เหตุการณ์ต่าง ๆ จากนวนิยายที่ตนเองเขียน ซึ่งจะต้องจัดการกับอันตรายที่ก่อตัวขึ้นมาจากความมืด แต่ต้องบอกว่าความมืดในครั้งนี้ไม่ได้นำเสนอความหลอน ความน่ากลัวเพียงอย่างเดียว แต่...!


    ตัวเกมจะนำเสนอความมืดให้เป็นหนึ่งในฟีเจอร์หลักภายในเกม ที่ศัตรูจะถูกห่อหุ้มด้วยความมืดทำให้เราไม่สามารถใช้อาวุธใดๆ จัดการพวกมันได้ ดังนั้นผู้เล่นจะต้องอาศัยแสงไฟจากแหล่งกำเนิดแสงต่าง ๆ เช่น ไฟฉาย แสงไฟตามฉาก ระเบิดแสง เป็นต้น เพื่อทำลายพลังงานความมืดให้หายไปจากศัตรู จากนั้นเราจะถึงจะจัดการพวกมันได้ ด้วยเหตุจึงทำให้ตัวเกม Alan Wake มีความน่าสนใจ และไม่เหมือนกับเกมอื่นนั่นเอง


3. Left 4 Dead - ความมืดที่ซ้อนเร้นไปด้วยอันตรายมากมาย!

Left 4 Dead เป็นเกมแนวยิงซอมบี้มุมมองบุคคลที่หนึ่งซึ่งพัฒนาโดย Valve ในปี 2008 ซึ่งปัจจุบันเดินทางมาถึงภาค 2 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีภาค 3 ออกมาเสียทีสมชื่อฉายาค่ายเกมผู้นับเลข 3 ไม่เป็น ซึ่งตัวเกมจะทั้งโหมดเนื้อเรื่องที่เราจะเล่นคนเดียวไปพร้อมกับ AI อีก 3 คน หรือเล่น Co-op กับเพื่อนหรือผู้เล่นคนอื่นได้สูงสุดรวมกัน 4 คม โดยหน้าที่หลัก ๆ คือการจัดการซอมบี้ ทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อผ่านในแต่ละ Chapter 


สำหรับการนำเสนอความมืดในตัวเกมนั้นช่วงแรก เราจะสามารถทำการลอบเร้นด้วยการปิดไฟฉายเข้าไปโจมตีระยะประชิดใส่ซอมบี้ได้ โดยที่จะไม่ทำให้ซอมบี้จากจุดอื่นตื่นตัว แต่หลัง ๆ ความมืดที่ช่วยเรานี้นี่แหละจะกลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจของผู้เล่น โดยบางครั้งจะมีพวกซอมบี้พิเศษ เช่น บูมเมอร์ ฮันเตอร์ ที่จะคอยโจมตีผู้เล่นอยู่ตลอดเวลาจากมุมมืด หรือมุมอับ ซึ่งยิ่งหากผู้เล่นอยู่ในมุมมืด และแยกกลุ่มกัน บอกเลยว่าความมืดอาจจะทำให้เราเสียผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไปได้เลย!


4. Visage - ความมืดจะนำเหตุการณ์แปลก ๆ มาสู่ผู้เล่น

อีกหนึ่งเกมสยองขวัญมุมมองบุคคลที่หนึ่งแนว Psychological horror พัฒนาโดย SadSquare Studio โดยตัวเกมนั้นได้รับแรงบันดาลใจหลัก ๆ มาจาก Demo เกมโปรเจ็กต์ PT ที่เกือบจะกลายเป็นการสานต่อของแฟรนไชส์ Silence Hills โดยเนื้อเรื่องย่อจะเล่าถึงตัวเอกอย่าง Dwayne Anderson ชายผู้ทำการยิงภรรยาและลูกของตนเอง ก่อนจะฆ่าตัวตาย แต่แทนที่เขาจะจบชีวิตลงไปพร้อมกับครอบครัว เขากลับพบว่าตนเองได้ตื่นขึ้นมาในบ้านที่ไม่สามารถออกไปภายนอกได้ จากนั้นปริศนา ความสยองต่าง ๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น...


ซึ่งการนำเสนอของเกมนี้จะคล้ายกับเกมล่าท้าผีอย่าง Phasmophobia ที่เราจะนำเสนอในหัวข้อต่อไป เพราะตัวเกมจะมีค่าสติมาให้ด้วย โดยค่านี้จะลดลงเรื่อย ๆ หากผู้เล่นอยู่ในที่มืดนานเกินไปค่าสติจะลดลง และหากลดลงถึงจุดหนึ่งผีก็จะทำการแสดงปรากฎการณ์ต่าง ๆ เช่น ไฟดับ ไฟกระพริบ เสียงแปลก ๆ หรือแสดงตัวตน จนหนักสุดคือ เข้ามาสังหารผู้เล่น โดยเราสามารถบริหารจัดการความมืดได้ด้วยการกินยาเพิ่มค่าสติ ซ่อมไฟ วิ่งหาแสงเทียน ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้ตัวเกมได้รับคำชมเชยที่มากมายพอสมควร แต่จะถูกติบ้างในเรื่องของความยากและความลูปในบางฉาก


5. Phasmophobia - ความมืดที่เป็นหนึ่งในฟีเจอร์หลักของเกม

เป็นเกมแนวล่า ท้า ผี ไปสำรวจบ้านต่าง ๆ ที่พัฒนาโดย Kinetic Games ในปี 2020 ซึ่งถึงแม้จะสามารถเล่นคนเดียวได้ แต่ตัวเกมก็จะเน้นไปที่การเล่น Co-op Multiplayer มากกว่า เพราะจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ โดยหน้าที่หลัก ๆ คือผู้เล่นจะได้รับข้อมูลของผีภายในบ้างทั้งชื่อ นิสัยเบื้องต้น และเราต้องเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อหาเบาะแส และสืบให้ได้ว่าผีในบ้านนั้นเป็นประเภทไหน หากทายถูกก็จะได้รางวัลและ Exp นำไปซื้อสิ่งของได้ในการเล่นครั้งต่อไป ซึ่ง...


ในการเล่นแต่ละรอบนั้นผู้เล่นจะได้เลือกสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านสองชั้น โรงพยาบาล คุก และอีกมากมายที่ทีมงานจะอัพเดทเรื่อย ๆ โดยผู้เล่นจะต้องเข้าไปสถานที่ดังกล่าว โดยต้องบอกเลยว่าจะมืดมาก หากไม่นำอุปกรณ์ช่วยเหลือเช่น ไฟฉาย กล้อง เข้าไปติดตั้ง โดยหลังจากเราเข้าเปิดคัตเอาท์แล้ว ก็ใช่ว่าห้องจะสว่างตลอดเวลา เพราะผีจะคอยป่วนผู้เล่นด้วยการคอยปิดไฟเพื่อลดค่าสติให้ต่ำลง เพื่อให้ผู้เล่นถูกหลอกและตายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งความมืดยังถูกนำมาเป็นฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายในเกมได้อย่างน่าสนใจ นั่นคือ หากผีออกล่าไฟในบ้านจะกระพริบ บางจุดต้องใช้ความมืดในการหาลายนิ้ว รอยมือผี หาการเคลื่อนที่ในความมืดของผี ดังนั้นหากใครที่สนใจจะหาเกมที่นำเสนอความมืดได้น่าสนใจเกมนี้ก็ตอบโจทย์ท่านในระดับหนึ่งเลย


6. Darkwood - ความมืดจะปิดบังวิสัยทัศน์ของผู้เล่น

เป็นเกมแนว Survive Horror ที่นำเสนอผ่านมุมมอง Top-Down จากบนลงล่างที่พัฒนาโดย Acid Wizard Studio ในปี 2014 แบบ Early Access และพัฒนาเสร็จเป็นเกมเต็มในปี 207 โดยจะเล่าถึงเหตุการณ์การเอาตัวรอดของตัวเอกในป่าลึกลับที่เต็มไปด้วนอันตรายมากมายจากโรคร้ายที่ทำให้คนกลายเป็นตัวประหลาดไล่สังหารทุกอย่างที่มันพบเจอ และฉากใหญ่จะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งแถบสาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์ ( บางแห่งบอกว่า เป็นเขตโซเวียต ) 


ตัวเกมจะนำเสนอผ่านระบบกึ่งโลกเปิดที่เราสามารถสำรวจที่ต่าง ๆ ได้เรื่อย ๆ และโซนใหม่ก็จะเปิดเมื่อเนื่้อเรื่องดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง และที่สำคัญคือตัวเกมจะมีระบบกลางวันกลางคืนเข้ามาด้วย ซึ่งหากเข้าสู่ช่วงกลางคืนนั้นการมองเห็นของผู้เล่นจะลดลง โดยเราจะมองเห็นผ่านไฟฉายเป็นรูปทรงกรวยผ่านทิศทางที่หันไปเท่านั้น ทำให้เราต้องค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปในแต่ละจุด เพราะหากหันไปเจอศัตรูเมื่อไหร่ พวกมันก็พร้อมจะเข้ามาขย้ำจัดการกับผู้เล่นทันที ซึ่งด้วยระบบการนำเสนอนี้ทำให้ความมืดยิ่งมีผลกับการเล่นมากขึ้นไปอีกขั้น!


7. Amnesia: The Dark Descent - ความมืดจะทำให้ควบคุมตัวละครยากขึ้น และวิสัยทัศน์การมองแย่ลง

อีกหนึ่งแฟรนไชส์เกมแนว Survival Horror ที่พัฒนาโดย Frictional Games ในปี 2010 ซึ่งตัวเกมจะเน้นขายความหลอน สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้เล่นโดยเฉพาะ ซึ่งจะเล่าเรื่องผ่านตัวเอกอย่าง Daniel ที่ได้เข้าไปสำรวจปราสาทเก่าแก่มืดมิดอย่าง Brennenburg โดยในที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยปริศนา พร้อมกับสัตว์ประหลาดที่จะไล่ล่าผู้เล่น และยังมีเหตุการณ์มากมายกที่พร้อมสร้างความหลอกหลอนผู้เล่นอีกด้วย โดย...


ความน่าสนใจของตัวเกมนี้นั่นคือผู้เล่นจะมีค่าพลังความกลัว ที่นำเสนอในรูปแบบของสมอง ซึ่งหากเราจ้องมองสัตว์ประหลาดหรืออยู่ในที่มืดนานเกินไป ค่าสมองก็จะค่อย ๆ เหลวและเละลงเรื่อย ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เราควบคุมตัวละครได้ยากขึ้น และมุมมองจะค่อย ๆ พร่ามัวมืดลง แต่ความตลกร้ายคือต่อให้ความมืดนั้นสามารถทำร้ายเราได้ ความมืดกลับเป็นอีกหนึ่งที่ซ่อนที่ดีจากสัตว์ประหลาดอีกช่องทางหนึ่งเลย!


8. Outlast - ความมืด = Game Over!

เกมแนว Survival Horror มุมมองบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งพัฒนาโดย Red Barrels ในปี 2013 สำหรับเนื้อเรื่องย่อนั้นจะเล่าถึงนักข่าวอิสระอย่าง Miles Upshur ผู้ได้รับเมลปริศนาถึงเรื่องการทดลงมนุษย์ที่โรงพยาบาลจิตเวช Mount Massive Asylum ซึ่งด้วยความสงสัย และต้องการข่าวนั้นทำให้เขาได้เข้าไปพบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญ นองเลือดมากมาย ซึ่งบอกเลยว่าตัวเกมประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามผ่านการสร้างภาคต่อออกมากมาย และหนึ่งในความสำเร็จนั่นก็คือ


ระบบการนำเสนอผ่านความมืด ที่ผู้เล่นจะต้องใช้กล้องตัวเดียวในการดำเนินเนื้อเรื่อง ซึ่งหากเราไม่ใช้กล้องต้องบอกเลยว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความมืดที่จะส่งผลให้เราอาจจะไม่สามารถดำเนินการเล่นต่อได้เลย อีกทั้งกล้องที่เราใช้งานโหมด Night Vision ก็มีระยะการใช้งานที่จำกัดระยะเวลาดังนั้น ผู้เล่นก็จะเป็นต้องคอยมองหาแบตเตอรี่ในการเปลี่ยนแบตอยู่ตลอดเวลา และในขณะเดียวกันบางฉากผู้เล่นจะไม่สามารถใช้กล้องได้เพราะต้องแอบซ่อนตัวจากอันตรายต่าง ๆ ตัวเกมก็จะนำเสอนความน่ากลัวผ่านเสียงที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีอย่างมากเลย!


Credit : https://gamerant.com/horror-games-make-best-use-of-darkness/


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[บทความ] 8 เกมสยองขวัญ ที่เล่นกับ "ความมืด" ได้อย่างน่าสนใจ
13/06/2022

'ความมืด' หากถามว่าถ้าผู้เล่นเจอสิ่งนี้ภายในเกม เราจะแก้ปัญหาด้วยอะไร หลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น ๆ ใช้แสงสว่าง หรือรอจนเช้า แน่นอนว่ามีหลากหลายวิธีในการจัดการความมืด แต่ถ้าหากว่าความมืดนั้นมันสามารถมีผลกับการเล่นเกมของเราได้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมล่ะ? มันจะน่าสนใจขนาดไหน? ซึ่งข้อดีที่น่าสนใจนั่นคือ ความมืดจะช่วยสร้างบรรยากาศความหวาดระแวง ความน่ากลัว รวมถึงความไม่ไว้ใจให้แก่ผู้เล่น จึงทำให้ผู้พัฒนาหลาย ๆ เกมมองในจุดนี้พวกเขาจึงได้ทำให้ความืดมีบทบาทกับการเล่นเกมของตนเองมากขึ้น ดังนั้นในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะได้รวบรวม 8 เกมสยองขวัญที่นำเสนอความมืดได้อย่างน่าสนใจถ้าใครพร้อมจะเข้าสู้ด้านมืดกันแล้ว มาดูกันเลย!

1. Slender: The Eight Pages - นำเสนอความกลัวผ่านความมืด

เป็นเกมอินดี้แนวสยองขวัญมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่พัฒนาโดย Parsec Productions ในปี 2012 ซึ่งเป็นเกมที่สามารถเล่นได้ฟรี แต่ปัจจุบันมีการ Remake เป็นแบบเสียเงินใน Steam แล้ว โดยตัวเกมจะเซ็ตฉากหลังหลัก ๆ ไว้อย่างเข้าใจง่าย ๆ นั่นคือ ตัวเอกตื่นขึ้นมาท่ามกลางป่าอันมืดมิด โดยเขาจะต้องหาหน้ากระดาษให้ครบ 8 แผ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหนีจาก Slender Man ด้วย ซึ่งจุดน่าสนใจนั่นคือตัวเกมนำเสนอ 'ความกลัวผ่านความมืด' ได้ดีมาก ๆ เพราะสร้างความหลอนให้กับผู้เล่นได้ดีจนตัวเกมกลายเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง 


สำหรับแง่ของความมืดนั้นตัวเกมจะมอบทั้งความหลอนให้ผู้เล่นรู้สึกกังวล หวาดระแวงตลอดเวลา รวมถึงยิ่งเก็บกระดาษได้เยอะ ตัวเกมก็จะเริ่มก่อกวนผู้เล่นตั้งแต่เสียงพึมพำ เสียงกระซิบ เสียงลมโถม นอกจากนี้เรายังไม่สามารถที่จะต่อสู้กับความมืดหรือศัตรูในเกมได้ และต้องอาศัยเพียงแสงไฟฉายเล็ก ๆ ที่ช่วยให้อุ่นใจเล็กน้อย แถมบางครั้งไฟก็ดับ ๆ ติด ๆ จนทำให้หลายคนอาจจะกลัวความมืดเพราะเกมนี้ไปเลย


2. Alan Wake - ใช้แสงเอาชนะความมืด!

อีกหนึ่งเกมแนวสยองขวัญ Action-Adventure ที่พัฒนาโดย Remedy Entertainment ในปี 2010 โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักเขียนนิยายแนวระทึกขวัญอย่าง 'Alan Wake' เช่นเดียวกับชื่อเกม ซึ่งเขาจะได้พบว่าตัวเองได้เผชิญหน้ากับเรื่องราว เหตุการณ์ต่าง ๆ จากนวนิยายที่ตนเองเขียน ซึ่งจะต้องจัดการกับอันตรายที่ก่อตัวขึ้นมาจากความมืด แต่ต้องบอกว่าความมืดในครั้งนี้ไม่ได้นำเสนอความหลอน ความน่ากลัวเพียงอย่างเดียว แต่...!


    ตัวเกมจะนำเสนอความมืดให้เป็นหนึ่งในฟีเจอร์หลักภายในเกม ที่ศัตรูจะถูกห่อหุ้มด้วยความมืดทำให้เราไม่สามารถใช้อาวุธใดๆ จัดการพวกมันได้ ดังนั้นผู้เล่นจะต้องอาศัยแสงไฟจากแหล่งกำเนิดแสงต่าง ๆ เช่น ไฟฉาย แสงไฟตามฉาก ระเบิดแสง เป็นต้น เพื่อทำลายพลังงานความมืดให้หายไปจากศัตรู จากนั้นเราจะถึงจะจัดการพวกมันได้ ด้วยเหตุจึงทำให้ตัวเกม Alan Wake มีความน่าสนใจ และไม่เหมือนกับเกมอื่นนั่นเอง


3. Left 4 Dead - ความมืดที่ซ้อนเร้นไปด้วยอันตรายมากมาย!

Left 4 Dead เป็นเกมแนวยิงซอมบี้มุมมองบุคคลที่หนึ่งซึ่งพัฒนาโดย Valve ในปี 2008 ซึ่งปัจจุบันเดินทางมาถึงภาค 2 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีภาค 3 ออกมาเสียทีสมชื่อฉายาค่ายเกมผู้นับเลข 3 ไม่เป็น ซึ่งตัวเกมจะทั้งโหมดเนื้อเรื่องที่เราจะเล่นคนเดียวไปพร้อมกับ AI อีก 3 คน หรือเล่น Co-op กับเพื่อนหรือผู้เล่นคนอื่นได้สูงสุดรวมกัน 4 คม โดยหน้าที่หลัก ๆ คือการจัดการซอมบี้ ทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อผ่านในแต่ละ Chapter 


สำหรับการนำเสนอความมืดในตัวเกมนั้นช่วงแรก เราจะสามารถทำการลอบเร้นด้วยการปิดไฟฉายเข้าไปโจมตีระยะประชิดใส่ซอมบี้ได้ โดยที่จะไม่ทำให้ซอมบี้จากจุดอื่นตื่นตัว แต่หลัง ๆ ความมืดที่ช่วยเรานี้นี่แหละจะกลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจของผู้เล่น โดยบางครั้งจะมีพวกซอมบี้พิเศษ เช่น บูมเมอร์ ฮันเตอร์ ที่จะคอยโจมตีผู้เล่นอยู่ตลอดเวลาจากมุมมืด หรือมุมอับ ซึ่งยิ่งหากผู้เล่นอยู่ในมุมมืด และแยกกลุ่มกัน บอกเลยว่าความมืดอาจจะทำให้เราเสียผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไปได้เลย!


4. Visage - ความมืดจะนำเหตุการณ์แปลก ๆ มาสู่ผู้เล่น

อีกหนึ่งเกมสยองขวัญมุมมองบุคคลที่หนึ่งแนว Psychological horror พัฒนาโดย SadSquare Studio โดยตัวเกมนั้นได้รับแรงบันดาลใจหลัก ๆ มาจาก Demo เกมโปรเจ็กต์ PT ที่เกือบจะกลายเป็นการสานต่อของแฟรนไชส์ Silence Hills โดยเนื้อเรื่องย่อจะเล่าถึงตัวเอกอย่าง Dwayne Anderson ชายผู้ทำการยิงภรรยาและลูกของตนเอง ก่อนจะฆ่าตัวตาย แต่แทนที่เขาจะจบชีวิตลงไปพร้อมกับครอบครัว เขากลับพบว่าตนเองได้ตื่นขึ้นมาในบ้านที่ไม่สามารถออกไปภายนอกได้ จากนั้นปริศนา ความสยองต่าง ๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น...


ซึ่งการนำเสนอของเกมนี้จะคล้ายกับเกมล่าท้าผีอย่าง Phasmophobia ที่เราจะนำเสนอในหัวข้อต่อไป เพราะตัวเกมจะมีค่าสติมาให้ด้วย โดยค่านี้จะลดลงเรื่อย ๆ หากผู้เล่นอยู่ในที่มืดนานเกินไปค่าสติจะลดลง และหากลดลงถึงจุดหนึ่งผีก็จะทำการแสดงปรากฎการณ์ต่าง ๆ เช่น ไฟดับ ไฟกระพริบ เสียงแปลก ๆ หรือแสดงตัวตน จนหนักสุดคือ เข้ามาสังหารผู้เล่น โดยเราสามารถบริหารจัดการความมืดได้ด้วยการกินยาเพิ่มค่าสติ ซ่อมไฟ วิ่งหาแสงเทียน ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้ตัวเกมได้รับคำชมเชยที่มากมายพอสมควร แต่จะถูกติบ้างในเรื่องของความยากและความลูปในบางฉาก


5. Phasmophobia - ความมืดที่เป็นหนึ่งในฟีเจอร์หลักของเกม

เป็นเกมแนวล่า ท้า ผี ไปสำรวจบ้านต่าง ๆ ที่พัฒนาโดย Kinetic Games ในปี 2020 ซึ่งถึงแม้จะสามารถเล่นคนเดียวได้ แต่ตัวเกมก็จะเน้นไปที่การเล่น Co-op Multiplayer มากกว่า เพราะจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ โดยหน้าที่หลัก ๆ คือผู้เล่นจะได้รับข้อมูลของผีภายในบ้างทั้งชื่อ นิสัยเบื้องต้น และเราต้องเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อหาเบาะแส และสืบให้ได้ว่าผีในบ้านนั้นเป็นประเภทไหน หากทายถูกก็จะได้รางวัลและ Exp นำไปซื้อสิ่งของได้ในการเล่นครั้งต่อไป ซึ่ง...


ในการเล่นแต่ละรอบนั้นผู้เล่นจะได้เลือกสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านสองชั้น โรงพยาบาล คุก และอีกมากมายที่ทีมงานจะอัพเดทเรื่อย ๆ โดยผู้เล่นจะต้องเข้าไปสถานที่ดังกล่าว โดยต้องบอกเลยว่าจะมืดมาก หากไม่นำอุปกรณ์ช่วยเหลือเช่น ไฟฉาย กล้อง เข้าไปติดตั้ง โดยหลังจากเราเข้าเปิดคัตเอาท์แล้ว ก็ใช่ว่าห้องจะสว่างตลอดเวลา เพราะผีจะคอยป่วนผู้เล่นด้วยการคอยปิดไฟเพื่อลดค่าสติให้ต่ำลง เพื่อให้ผู้เล่นถูกหลอกและตายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งความมืดยังถูกนำมาเป็นฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายในเกมได้อย่างน่าสนใจ นั่นคือ หากผีออกล่าไฟในบ้านจะกระพริบ บางจุดต้องใช้ความมืดในการหาลายนิ้ว รอยมือผี หาการเคลื่อนที่ในความมืดของผี ดังนั้นหากใครที่สนใจจะหาเกมที่นำเสนอความมืดได้น่าสนใจเกมนี้ก็ตอบโจทย์ท่านในระดับหนึ่งเลย


6. Darkwood - ความมืดจะปิดบังวิสัยทัศน์ของผู้เล่น

เป็นเกมแนว Survive Horror ที่นำเสนอผ่านมุมมอง Top-Down จากบนลงล่างที่พัฒนาโดย Acid Wizard Studio ในปี 2014 แบบ Early Access และพัฒนาเสร็จเป็นเกมเต็มในปี 207 โดยจะเล่าถึงเหตุการณ์การเอาตัวรอดของตัวเอกในป่าลึกลับที่เต็มไปด้วนอันตรายมากมายจากโรคร้ายที่ทำให้คนกลายเป็นตัวประหลาดไล่สังหารทุกอย่างที่มันพบเจอ และฉากใหญ่จะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งแถบสาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์ ( บางแห่งบอกว่า เป็นเขตโซเวียต ) 


ตัวเกมจะนำเสนอผ่านระบบกึ่งโลกเปิดที่เราสามารถสำรวจที่ต่าง ๆ ได้เรื่อย ๆ และโซนใหม่ก็จะเปิดเมื่อเนื่้อเรื่องดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง และที่สำคัญคือตัวเกมจะมีระบบกลางวันกลางคืนเข้ามาด้วย ซึ่งหากเข้าสู่ช่วงกลางคืนนั้นการมองเห็นของผู้เล่นจะลดลง โดยเราจะมองเห็นผ่านไฟฉายเป็นรูปทรงกรวยผ่านทิศทางที่หันไปเท่านั้น ทำให้เราต้องค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปในแต่ละจุด เพราะหากหันไปเจอศัตรูเมื่อไหร่ พวกมันก็พร้อมจะเข้ามาขย้ำจัดการกับผู้เล่นทันที ซึ่งด้วยระบบการนำเสนอนี้ทำให้ความมืดยิ่งมีผลกับการเล่นมากขึ้นไปอีกขั้น!


7. Amnesia: The Dark Descent - ความมืดจะทำให้ควบคุมตัวละครยากขึ้น และวิสัยทัศน์การมองแย่ลง

อีกหนึ่งแฟรนไชส์เกมแนว Survival Horror ที่พัฒนาโดย Frictional Games ในปี 2010 ซึ่งตัวเกมจะเน้นขายความหลอน สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้เล่นโดยเฉพาะ ซึ่งจะเล่าเรื่องผ่านตัวเอกอย่าง Daniel ที่ได้เข้าไปสำรวจปราสาทเก่าแก่มืดมิดอย่าง Brennenburg โดยในที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยปริศนา พร้อมกับสัตว์ประหลาดที่จะไล่ล่าผู้เล่น และยังมีเหตุการณ์มากมายกที่พร้อมสร้างความหลอกหลอนผู้เล่นอีกด้วย โดย...


ความน่าสนใจของตัวเกมนี้นั่นคือผู้เล่นจะมีค่าพลังความกลัว ที่นำเสนอในรูปแบบของสมอง ซึ่งหากเราจ้องมองสัตว์ประหลาดหรืออยู่ในที่มืดนานเกินไป ค่าสมองก็จะค่อย ๆ เหลวและเละลงเรื่อย ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เราควบคุมตัวละครได้ยากขึ้น และมุมมองจะค่อย ๆ พร่ามัวมืดลง แต่ความตลกร้ายคือต่อให้ความมืดนั้นสามารถทำร้ายเราได้ ความมืดกลับเป็นอีกหนึ่งที่ซ่อนที่ดีจากสัตว์ประหลาดอีกช่องทางหนึ่งเลย!


8. Outlast - ความมืด = Game Over!

เกมแนว Survival Horror มุมมองบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งพัฒนาโดย Red Barrels ในปี 2013 สำหรับเนื้อเรื่องย่อนั้นจะเล่าถึงนักข่าวอิสระอย่าง Miles Upshur ผู้ได้รับเมลปริศนาถึงเรื่องการทดลงมนุษย์ที่โรงพยาบาลจิตเวช Mount Massive Asylum ซึ่งด้วยความสงสัย และต้องการข่าวนั้นทำให้เขาได้เข้าไปพบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญ นองเลือดมากมาย ซึ่งบอกเลยว่าตัวเกมประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามผ่านการสร้างภาคต่อออกมากมาย และหนึ่งในความสำเร็จนั่นก็คือ


ระบบการนำเสนอผ่านความมืด ที่ผู้เล่นจะต้องใช้กล้องตัวเดียวในการดำเนินเนื้อเรื่อง ซึ่งหากเราไม่ใช้กล้องต้องบอกเลยว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความมืดที่จะส่งผลให้เราอาจจะไม่สามารถดำเนินการเล่นต่อได้เลย อีกทั้งกล้องที่เราใช้งานโหมด Night Vision ก็มีระยะการใช้งานที่จำกัดระยะเวลาดังนั้น ผู้เล่นก็จะเป็นต้องคอยมองหาแบตเตอรี่ในการเปลี่ยนแบตอยู่ตลอดเวลา และในขณะเดียวกันบางฉากผู้เล่นจะไม่สามารถใช้กล้องได้เพราะต้องแอบซ่อนตัวจากอันตรายต่าง ๆ ตัวเกมก็จะนำเสอนความน่ากลัวผ่านเสียงที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีอย่างมากเลย!


Credit : https://gamerant.com/horror-games-make-best-use-of-darkness/


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header