Assassin’s Creed Valhalla เริ่มวางจำหน่ายแล้วในวันนี้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นภาคที่ทำในเรื่องเกมเพลย์ กับระบบต่างๆ มาได้ดีจริง อย่างที่ทราบกันดีกว่าเนื้อเรื่องของภาคนี้จะกล่าวถึง Eivor ชาวไวกิงเผ่า Raven จากดินแดนแสนเหน็บหนาว นอร์เวย์ ที่เดินทางข้ามทะเลอันกว้างใหญ่ เพื่อมาพิชิตเกาะ อังกฤษ ที่เป็นดินแดนแสนอบอุ่น และอุดมสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามการพิชิต อังกฤษ ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยงาน Eivor ต้องผ่านช่วงเวลา และเรื่องที่ยากลำบากมากมาย ในการพิชิตเกาะแห่งนี้ ซึ่งถ้าให้เทียบเป็นเวลาเกมเพลย์แล้ว อาจยาวถึง 100 ชั่วโมงได้เลยทีเดียว วันนี้พวกเราทีมงาน GameFever Th จึงได้นำ 6 เรื่องที่ควรมาฝากเพื่อนๆ เพื่อที่จะได้สามารถเข้ายึด อังกฤษ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากครับ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย
1.) อัพเกรดกระเป๋าเก็บอาหารกับซองธนูก่อน
Leather กับ
Iron Ore คือวัตถุดิบสองอย่างที่ใช้ในการอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆ ในเกมนี้ ซึ่งคำแนะนำของผมคือ พยายามนำทั้ง 2 สิ่งไปอัพเกรดกระเป๋าสำหรับเก็บอาหาร กับ ซองธนู ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนครับ เนื่องจากอาหารในเกมนี้ใช้สำหรับเพิ่มเลือดในนาทีฉุกเฉิน อย่างเวลาต่อสู้ หรือหนีตายได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะอัพเกรดกระเป๋าให้สามารถเก็บอาหารมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อน
ส่วนธนูนั้นเป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้ในหลายสถานการณ์มาก ไม่ว่าจะเป็นใช้สำหรับการลอบฆ่า, ใช้ในการยิงสกัดการโจมตีของศัตรู, ใช้ยิงศัตรูตัวสำคัญที่ชอบหนี รวมไปจนถึงยิงเพื่อดึงความสนใจของศัตรู ดังนั้นเราจึงควรอัพเกรดซองธนูให้สามารถเก็บลูกธนูได้เยอะๆ ไว้ก่อน
นอกจากจากนี้อุปกรณ์ที่เราสวมใส่ได้ในช่วงแรกไม่ใช่อุปกรณ์ที่ดีอะไรมากมายด้วยครับ ใช้ไม่นานก็อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว ดังนั้นการเอาไป
อัพก
ระเป๋าอาหาร กับซองธนูที่จะอยู่กับเราไปยาวๆ ยังไงก็เป็นเรื่องที่น่าทำมากกว่าในช่วงแรกของเกมครับ
[caption id="attachment_72349" align="aligncenter" width="1280"]
อัพ 2 สิ่งนี้ก่อน[/caption]
2.) สำรวจ นอร์เวย์ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถึงแม้ว่าเวทีหลักของเนื้อเรื่องจะเป็นประเทศ
อังกฤษ แต่เรื่องราวของ Eivor นั้นจะเริ่มที่
นอร์เวย์ ครับ ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องในดินแดนหิมะจะมีไม่มาก และใช้เวลาเล่นไม่นาน แต่ขนาดของแผนที่นั่นกลับใหญ่พอสมควร และมีหนังสือ
สกิลสำคัญมากมายเลยที่อยู่ใน
นอร์เวย์ ซึ่งผมแนะนำว่าอย่างน้อย ควรหาสมุด
สกิลที่นี่ให้ครบเสียก่อน จึงเริ่มออกเดินไปประเทศ
อังกฤษ ส่วนใครที่เริ่มออกเดินทางไปแล้วก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะเราสามารถกลับไปยัง
นอร์เวย์ ได้ตลอดเวลาผ่านเมนูแผนที่ครับ
หนึ่งใน
สกิลสำคัญมากๆ ที่จะช่วยให้การยึด
อังกฤษ ง่ายขึ้นคือ
"Rage of Helheim" ที่สามารถได้รับผ่านถ้ำด้านหลังน้ำตก ทางขวามือของค้า
ย Kjotve โดยเพื่อนๆ สามารถปีนภูเขาทางขวาขึ้นไปได้เลย
สกิลนี้จะทำให้เราสามารถพุ่งชนศัตรู และชกใส่รัวๆ
ได้ ซึ่งมันเป็น
สกิลที่ทำ
ดาเมจได้เยอะมาก เหมาะจะใช้ใส่ตัวที่ฆ่ายากๆ ครับ
[caption id="attachment_72348" align="aligncenter" width="1024"]
จุดเก็บของต่างๆ ในนอร์เวย์[/caption]
3.) พยายามใช้ Hidden Blade โจมตีตัวที่เก่งๆ ก่อน เพราะจะช่วยลดเลือดได้เยอะมาก
แม้ว่าภาคนี้ตัวเกมจะยังใช้ระบบ RPG ที่จะโจมตีได้
แรงหรือเบา ขึ้นอยู่กับ
สเตตัสเหมือนภาคก่อนอยู่ แต่ผู้พัฒนาก็ได้ใส่
Hidden Blade กับระบบ
Stealth Attack มาให้ด้วยในเกมนี้ ซึ่งแม้ว่าจะไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ทันทีถ้าหากเลเวลต่างกันมากๆ แต่การโจมตีแบบที่เผลอ จะสามารถลดเลือดของอีกฝ่ายได้เยอะมากๆ อยู่ดี โดยมันเยอะถึงขนาดที่ว่าต่อให้ ห่างกันมากกว่า 40 เลว
ล เราก็ยังสามารถลดเลือกอีกฝ่ายได้เกือบ 50% เลยครับ
ดังนั้นถ้าหากรู้ว่าจำเป็นต้องสู้กับศัตรูที่เก่งกว่าเรามากๆ ผมจึงแนะนำให้พยายามเปิดด้วยการใช้
Hidden Blade ทำการ
Stealth Attack ก่อน ยิ่งกับตัวที่เลเวลไม่ต่างกัน มันอาจทำให้เราชนะได้โดยไม่จำเป็นต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นแนะนำให้ฝึกลักลอบโจมตีไว้บ้างก็ดีครับ
4.) ช่วงแรก Raid ให้เยอะที่สุด และจง Raid อย่างชาญฉลาด
ในเกมภาคนี้มีการเพิ่มระบบใหม่ที่เรียกว่าการสร้างบ้าน และพัฒนาค่าย โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้างจะหาได้จากการ Raid เมืองที่ติดกับแม่น้ำ ซึ่งการสร้างอาคารต่างๆ จะช่วยปลดล็อกระบบสนุกๆ ของเกมมากมายเช่น สร้างท่าเรือจะทำให้เราสามารถตกแต่งเรือยาวของตัวเองได้, ถ้าสร้างกระท่อมล่าสัตว์จะปลดล็อกเค
วสล่าสัตว์ในตำนานได้, ถ้าสร้างค่ายทหารจะช่วยให้เราสามารถจ้างชาวไวกิงคนอื่นๆ ที่บุกมายังอังกฤษได้เป็นต้น
มาพูดถึงวิธีการ Raid กันบ้าง จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องเป่าแตร และวิ่งเข้าไปตะลุมบอนเหมือนที่ไวกิงทำจริงๆ ในประวัติศาสตร์ก็ได้ ยิ่งกับเมืองที่มีศัตรูเลเวลสูง หรือเก่งๆ หลายตัว เราสามารถลักลอบเข้าไปสังหารพวกตัวเก่งๆ ให้หมดก่อน แล้วค่อยเป่าแตร เรียกเพื่อนๆ เข้ามาถล่มก็ได้ ซึ่งมันจะทำให้เราสามารถ Raid สำเร็จได้ง่ายมากขึ้น และหลังจากที่เปิดหีบจนครบหมดแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าศัตรูให้หมดเช่นกัน จะหนีกลับมาที่เรือแล้วเผ่นเลยก็ได้ครับ
นอกจากนี้ ดูให้ดีด้วยว่า Raid ที่เรากำลังจะไป Suggested Power เท่าไหร่ เพราะถ้าหากว่ามันห่างกับ Power ของเรามากเกินไป มันเป็นไปได้ยากมากที่ Raid ได้สำเร็จ ดังนั้นดูให้ดีก่อนครับว่าเราโจมตีไหวจริงๆ หรือไม่
5.) พยายามอัพ Passive ไปทางเดียวก่อน อย่าพยายามอัพกระจาย
ใน
Assassin’s Creed Valhalla ทุกครั้งที่เราเลเวล
อัพ Eivor จะได้แต้มสำหรับ
อัพสกิล Passive มา 2 แต้ม โดยจากจุดเริ่มต้น จะมีเส้นทาง Passive 3 สายที่เราสามารถ
อัพได้คือ Passive ที่เกี่ยวกับการต่อสู้ระยะประชิด
(สีแดง) , Passive ที่เกี่ยวกับการโจมตีระยะไกล
(สีฟ้า) กับ Passive ที่เกี่ยวกับการลอบฆ่า
(สีเหลือง) ในช่วงแรกศัตรูที่เราเจอในเกมไม่ได้เก่งมาก ผมจึงแนะนำว่า
อัพสายไหนอยู่ก็ไปให้สุดก่อน อย่าพยายาม
อัพกระจายครับ
เหตุผลที่ให้ทำแบบนี้ เป็นเพราะว่าในช่วง
สกิลชุดที่ 3 หรือ 4 ของแต่ละสาย มักจะมี
สกิลเก่งๆ ที่ช่วยให้เราสามารถเล่นได้ง่ายขึ้นเป็นอย่างมากอยู่ เช่น
Heavy Dual Wield ซ้ายสุดของ
ฝั่งสีแดง ที่จะทำให้สามารถถืออาวุธสองมือด้วยมือเดียวได้,
Counter Roll ซ้ายสุดของ
ฝั่งสีเหลือง ที่จะทำให้เราป้องกันการโจมตีหนักทั้งหมดได้ หรือ
Bow Stun Finisher ขวาสุดของ
ฝั่งสีฟ้า ที่จะทำให้เราฆ่าศัตรูได้ง่ายๆ ต่อให้อยู่ระยะไกล ดังนั้นอัพสายเดียวไปให้ถึงสกิลเหล่านี้ก่อนจะช่วยให้เล่นได้ง่ายกว่า (อารมณ์แบบเก่งอะไรก็ไปให้สุด)
สำหรับใครที่อัพแบบกระจายๆ ไปแล้ว เกมนี้เปิดให้เราสามารถ Reset Skill Tree ได้ฟรี โดยสามารถทำได้โดยกดปุ่มที่ตั้งค่าไว้ตามที่บอกอยู่ขว่าล้างของหน้าจอ ในหน้าอัพ Pass Skill Tree ได้เลยครับ
6.) Stun อีกฝ่าย คือวิธีเอาชนะที่มีประสิทธิภาพ
ในเกมนี้ศัตรูทุกตัวที่เราได้เจอ จะมีหลอดเลือด กับหลอด
สตามิน่า อยู่บนหัว โดยถ้าหากว่าหลอด
สตามิน่าหมด อีกฝ่ายจะติดสถานะ
Stun ซึ่งมันจะทำให้ Eivor สามารถใช้ท่าโจมตี
Stun Finisher ได้ โดยส่วนใหญ่จะฆ่าอีกฝ่ายได้เลย จะมีแค่บางตัวเท่านั้นที่ไม่ใช่การฆ่าได้ (แต่จะทำ
ดาเมจรุนแรงมากๆ แทน) ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการทำให้อีกฝ่ายติด Stun เป็นวิธีเอาชนะอีกฝ่ายได้ง่ายที่สุดในแต่ละการต่อสู้ครับ
วิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายติด Stun ได้ง่ายที่สุด คือการใช้ธนูยิงไปที่ส่วนสำคัญของอีกฝ่าย โดยเมื่อ Eivor หยิบธนูขึ้นมาเล็ง ตัวเกมจะไฮ
ไลท์จุดนั้นบนร่างกายของอีกฝ่ายด้วยสีเหลืองให้เลย ซึ่งเราสามารถ Stun อีกฝ่ายได้จากการโจมตีไปเรื่อยๆ เช่นกัน แต่มันจะใช้เวลานานมากๆ (นานชนิดที่อีกฝ่ายอาจตายก่อนติด Stun ด้วยซ้ำ) บวกกับศัตรูส่วนใหญ่ที่เราได้เจอในภาคนี้มักจะถือโล่ด้วยมือซ้ายด้วย มันจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะใช้ธนูยิงจุดสำคัญของอีกฝ่ายไปเลยครับ