ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อีสปอร์ต ได้กลายเป็นวงการที่กำลังเติบโตอย่างหยุดไม่อยู่ อย่างปีที่ผ่านมามีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ฃตั้งแต่ Head & Shoulder ที่ดึง โปร DOTA 2 มาเล่นโฆษณา หรือ Gillete ที่เอาผู้เล่นฝีมือดี Solo จากทีม Virtus.pro มาช่วยโปรโมทแบรนด์ จากเดิมที่มุ่งไปหานักกีฬาดังจากวงการกีฬา เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ทำให้เม็ดเงินในการแข่งขันอีสปอร์ตพลอยสูงขึ้นด้วย กลายเป็นเวทีใหม่ของการตลาดที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาร่วมวง

ด้วยเหตุนี้การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ของต่างๆ ก็เลยมีเงินรางวัล Prize Pool ที่สูงขึ้นทุกปีๆ ดึงดูดให้สุดยอดโปรเพลเยอร์เข้ามาร่วมชิงชัย เป็นส่วนหนึ่งของการแข่ง ผลักดันความกระหายในชัยชนะให้สูงขึ้น และนี่คือโฉมหน้าของสุดยอดนักกีฬาอีสปอร์ตที่ได้เงินรางวัลจากการแข่งขันเกมมากที่สุดตั้งแต่ที่เคยแข่งเกมมาจนถึงปี 2018 ประจำของแต่ละเกม โดยอ้างอิงตัวเลขของเงินรางวัลจากเว็บไซต์ Esports Earnings เป็นหลัก

KuroKy - Team Liquid

Kuro "KuroKy" Takhasomi เป็นโปรเพลยเยอร์ชั้นแนวหน้าของเกมแนว MOBA อย่าง DOTA 2 ที่สำคัญเขายังเป็นกัปตันทีมและหัวใจหลักของ Team Liquid โดยเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้าร่วมการแข่งขัน The International (TI) มาแล้วทุกครั้ง จนในที่สุดฝันของเขาก็เป็นจริง เมื่อนำทีมชนะ TI 7 กวาดเงินรางวัล ได้ส่วนแบ่งทั้งปีไปกว่า 2,436,772 ล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งในวงการนักกีฬาอีสปอร์ตที่ได้เงินจากการแข่งขันมากสุดในประวัติศาสตร์

นอกจาก KuroKy ที่ได้อันดับ 1 แล้ว อีก 3 คนที่ติดโผกับเขาด้วยก็คือสมาชิก Team Liquid ชุดแชมป์ TI7 ได้แก่ Miracle-,  MinD_ContRoL และ Matumbaman ขาดไปก็แค่ GH คนเดียวเท่านั้น โดยทั้ง 4 สมาชิกทีมแชมป์ ได้ส่วนแบ่งจาก TI7 และทัวร์นาเมนต์ทั้งปีไปราวๆ 2.4 ล้านดอลลาร์ หรือ 78 ล้านบาท

อีกคนนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ N0tail กัปตันทีมแชมป์ TI8 จากทีม OG ที่สร้างโมเมนต์เด็ดอย่างการ "จับมือ" กับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด และนำทีมที่ไม่มีใครขาดคิดว่าจะชนะ คว่ำศัตรูและชิงชัยไปได้ โดย N0tail ได้ส่วนแบ่งจากการแข่งขัน TI 8 และทัวร์นาเมนต์ในปี 2018 ไปทั้งสิ้น 2,282,716.63 ดอลลาร์ หรือ 73 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ได้นั้นก็เพราะว่าเขาชนะทัวร์นาเมนต์อื่นๆ และแข่งมาแล้วกว่า 101 ทัวร์นาเมนต์ มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ นั่นเอง

 

Xyp9x - Astralis

ถ้าพูดถึงเทพเจ้าในแวดวงการแข่งขันเกม CS:GO แล้ว นาทีนี้คงไม่มีใครมาแรงไปกว่าทีม Astralis ที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลก ชนะการแข่งขันมาแล้วหลายทัวร์นาเมนต์ ตั้งแต่ ELEAGUE CS:GO Premier 2018, FACEIT Major: London 2018 และ Intel Grand Slam Season 1 เป็นต้น ซึ่งโปรเพลเยอร์ที่ทำเงินมากสุดจากการแข่ง CS:GO ก็คือซัพพอร์ตมากฝีมืออย่าง Andreas "Xyp9x" Højsleth นั่นเอง

นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการเล่นระดับโปรแล้ว Xyp9x ยังเป็นผู้เล่นคนแรกจากเกม CS:GO ที่ติด 1 ใน 100 อันดับผู้เล่นที่ได้เงินจากเงินรางวัลมากที่สุด ได้อันดับที่ 45 ไปครอง โดยก่อนหน้านี้ 44 อันดับล้วนแต่เป็นผู้เล่นจากเกม DOTA 2 ทั้งสิ้น ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในโผ ก็สังกัดอยู่ใน Astralis เหมือนกันหมด

ทั้งนี้ก็เพราะปี 2018 ถือเป็นทองของทางทีม จากการแข่งขันทั้งหมด 19 ทัวร์นาเมนต์ที่ Astralis ลงแข่ง สามารถครองตำแหน่งแชมป์ได้ถึง 11 การแข่งขัน แม้ว่าบางรางการจะได้ส่วนแบ่งจากเงินรางวัลไม่มาก แต่การแข่งที่รางวัลสูงๆ อย่าง ELEAGUE CS:GO, FACEIT Major: London 2018 และ Intel Grand Slam Season 1 ก็ทำให้ Xyp9x ได้ส่วนแบ่งประมาณ 100,000 - 200,000 ดอลลาร์ - จากปี 2017 ที่ Xyp9x กวาดเงินไปได้ 291,933 ในปี 2018 เขาทำเงินได้มากถึง 730,550 เลยทีเดียว

 

Faker - SK Telecom T1

แม้ในปี 2018 ที่ผ่านมา จะไม่ใช่ปีทองของ SK Telecom T1 (SKT) หรือ เทพเจ้ามิดเลนของเกม MOBA รุ่นเก่า LoL อย่าง Faker แต่เขาก็ยังคงความเป็นหนึ่งในแง่ของผู้เล่น LoL ที่ทำเงินรางวัลจากการแข่งขันมากที่สุด โดยตั้งแต่เล่นมา 44 ทัวร์นาเมนต์ Faker เก็บเงินจากการแข่งทั้งหมดในฐานะนักกีฬาอีสปอร์ตไปได้ 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 37 ล้านบาท (เงินนี้เป็นแค่เงินจากส่วนแบ่งของเงินรางวัล ยังไม่รวมค่าตัวที่ได้จากต้นสังกัด)

ปี 2018 ถือเป็นช่วงขาลงของเทพเจ้ามิดเลนและทีม ทั้งปี Faker แข่งขันไปแค่ 5 ทัวร์นาเมนต์ เก็บส่วนแบ่งของเงินรางวัลทั้งปีได้แค่ 6,213 ดอลลาร์ หรือแค่ 198,688 บาท ถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับปี 2017 ที่เขาทำเงินได้ถึง 271,894 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.6 ล้านบาทไทย) แถมยังไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่น 2018 World Championship ที่ในปี 2017 เคยครองอันดับที่ 2 ของการแข่งขันได้อีกด้วย

อันดับที่ 2 - 5 ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ทุกคนล้วนแต่เคยเป็นผู้เล่นเก่าของทีม SKT มาแล้วทั้งสิ้น เริ่มต้นด้วย Duke ผู้เล่นฝีมือดี จากทีม VG ที่กวาดเงินจากเงินรางวัลในปี 2018 ได้ทั้งหมด 445,930 ดอลลาร์ จากการแข่งขันเพียงแค่ 6 ทัวร์นาเมนต์ โดยส่วนแบ่งที่ได้มากที่สุดคือ 403,125 ดอลลาร์ ด้วยฐานะแชมป์ในทัวร์นาเมนต์ LoL 2018 World Championship

ด้าน Wolf และ Bang ก็มีสถานะคล้ายๆ กับ Faker ที่ปี 2018 ไม่ใช่ปีที่ดีเท่าไหร่สำหรับพวกเขา ได้ส่วนแบ่งจากเงินรางวัลคนละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์ ส่วน Bengi ตอนนี้ผันตัวไปเป็นโค้ชของทีม SKT และไม่ได้เงินจากส่วนแบ่งจากการแข่งในฐานะนักกีฬาอีสปอร์ตมาตั้งแต่ปี 2017

 

Maru - Jin Air Green Wings

Cho "Maru" Seong Ju เป็นผู้เล่นเผ่า Terran ฝีมือดีจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ก้าวเท้าเข้าสู่วงการอีสปอร์ต StarCraft II ตั้งแต่อายุได้แค่ 13 มีฝีมือถึงขั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น ผู้เล่น GSL ที่เด็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา

หลังจากที่โลดแล่นในวงการอีสปอร์ตมากว่า 9 ปี Maru ได้เงินรางวัลไปแล้วกว่า 694,660 ดอลลาร์ (ประมาณ 22 ล้านบาท) โดยปี 2018 ถือเป็นปีที่เขาทำเงินได้มากที่สุด คือ 370,111 ดอลลาร์ (11 ล้านบาท) จากการแข่งขันทั้งหมด 14 ทัวร์นาเมนต์ในปีที่แล้ว แถม Maru ยังครองตำแหน่งแชมป์ถึง 5 การแข่งขัน นอกจากนี้ยังชนะ WESG 2017 (StarCraft II) ได้เงินรางวัลไป 200,000 ดอลลาร์อีกด้วย เพียงแค่ปีเดียว เขาได้เงินรางวัลไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของที่เขาเคยแข่งมาเป็นเวลา 9 ปี

อันดับสองที่ตามมาไม่ห่างมากเท่าไหร่ คือ Lee "Rogue" Byung Ryul อีกหนึ่งผู้เล่นชาวเกาหลีจากทีม Jin Air Green Wings ที่ได้เงินจากรางวัลการแข่งถึง 216,335 ดอลลาร์ (เฉพาะปี 2018) เป็นผู้เล่นที่เข้าร่วมการแข่งขันเยอะมากถึง 34 ทัวร์นาเมนต์ในปีเดียว โดยได้ตำแหน่งแชมป์ 11 ครั้ง รายการที่เขาเข้าแข่งหลักๆ เลยคือ Kung Fu Cup 2018, Ballistix Brawl และ OlimoLeague

 

Tfue - FaZe Clan

Turner "Tfue" Tenney เป็นอดีตผู้เล่นเกม ยิงซอมบี้ ไล่ฆ่าคนอย่าง H1Z1 ที่ผันตัวมาเข้าสู่วงการเกม Fortnite เมื่อปี 2018 และทยานขึ้นสู่การเป็นผู้เล่นที่ทำเงินจากการแข่งขันได้มากที่สุดประจำเกม โดยในปี 2018 เขาสามารถเก็บเงินรางวัลไปได้กว่า 465,425 ดอลลาร์ จาก 20 ทัวร์นาเมนต์ ได้แชมป์ไปทั้งสิ้น 8 รายการด้วยกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว Tfue จะเน้นการแข่งแบบ Solo และมีแข่ง Duo คู่กับอีกหนึ่งยอดฝีมือ Cloak ที่ได้เงินรองลงมาเป็นอันดับที่ 2 นั่นเอง ซึ่งทั้ง Tfue และ Cloak ต่างก็สังกัดอยู่ในทีมอีสปอร์ตยักษ์ใหญ่ FaZe Clan ด้วยกันทั้งคู่

ถึงแม้ว่า Fortnite จะเพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วงการอีสปอร์ต มีทัวร์นาเมนต์การแข่งขันที่เยอะสู้เกมอื่นๆ แทบไม่ได้ (มีแข่งเพียงแค่ 161 ทัวร์นาเมนต์ ในขณะที่ DOTA 2, CS:GO และ LoL มีหลักพันขึ้นไป) แต่ด้วยความที่การแข่งขันมีแบบ Solo แบบ Duo ด้วย ทำให้นักกีฬาที่แข่งในประเภทนี้ได้เงินรางวัลไปแบบค่อนข้างที่จะเต็มเม็ดเต็มหน่วย และแม้เงินรางวัลโดยรวมของเกมจะยังไม่ได้ถือว่าเยอะอะไรมาก ทว่าในปีนี้ ทาง Epic Games ได้ประกาศว่าจะทุ่มเงินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นรางวัลในการแข่งขันอีสปอร์ตของ  Fortnite น่าสนใจว่าในปีหน้าๆ นักกีฬาอีสปอร์ตจากเกมแนว Battle Royale เกมนี้ จะสามารถขึ้นแท่นติดอันดับ 1 ใน 100 ผู้เล่นที่ทำเงินจากเงินรางวัลมากที่สุดได้หรือไม่

 

Thijs - G2 Esports

ถึงแม้ว่าเกมจะถูกปล่อยออกมานานมากแล้ว แต่ Hearthstone ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีฐานแฟนเกมอย่างเหนียวแน่น ด้วยความที่เกมมีรูปแบบการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ แถมยังเป็นเกมการ์ดที่ไม่ค่อยมีในวงการเกม ทำให้อีสปอร์ตของเกมเก๋ายังคงมาแรงอย่างไม่เสื่อมคลาย

จากการจัดอันดับของเกมที่ให้เงินรางวัลมากที่สุด Hearthstone ครองอันดับที่ 7 แจกเงินรางวัลให้ผู้เล่นมาแล้วกว่า 15,117,825.07 ดอลลาร์ หรือประมาณ 484 ร้อยล้านบาท ซึ่ง Thijs "Thijs" Molendijk ผู้เล่นชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นคนที่ได้เงินจากการแข่งนี้มากที่สุด โดยปีที่พีคที่สุดคือ 2018 กวาดเงินไปได้กว่า 220,600 จากการแข่งขันเพียงแค่ 6 ทัวร์นาเมนต์ เงินส่วนมากมาจากการที่เขาได้แชมป์ CN cs EU Championship 2018

อันดับสองคือ Chen "tom60229" Wei Lin ผู้เล่นชาวไต้หวันที่มีเงินรางวัลไล่ๆ กันมากับ Thijs จากการแข่งขันทั้งหมด 7 ทัวร์นาเมนต์ในปี 2018 ทำให้เขาได้เงินรางวัลไปกว่า 267,800 ดอลลาร์ การแข่งที่ทำให้เขาได้เงินรางวัลมากที่สุดคือ Hearthstone World Championship 2017 (ที่แข่งต้นเดือนมกราคม 2018) tom60229 กวาดเงินไปได้ 250,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 8 ล้านบาท จากการแข่งเพียงแค่ครั้งเดียว

 

 

Gesture และ Profit - London Spitfire

ผู้ที่ทำเงินสูงสุดของเกม Overwatch มีอยู่ 2 คนด้วยกัน ได้แก่ Gesture และ Profit กวาดเงินจากการแข่งไปได้ถึง 194,730.97 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.2 ล้านบาท) สาเหตุที่ทั้งสองคนมีส่วนแบ่งจากการแข่งขันเท่ากันเป๊ะ ก็เป็นเพราะว่าทั้งคู่เป็นสองเพื่อนซี้ที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่เข้าวงการอีสปอร์ตนั่นเอง โดย Gesture เป็นผู้เล่นตำแหน่ง Tank ที่เคยเป็นกัปตันทีม GC Busan ส่วน Profit เล่นในตำแหน่ง DPS ทั้งคู่อยู่ทีมเดียวกัน ก่อนจะย้ายไปอยู่ London Spitfire ทีมใน Overwatch League พร้อมกัน

สุดยอดโปรเพลเยอร์สองคนนี้เริ่มแข่งขันมาตั้งแต่ปี 2017 แม้จะทำผลงานได้เป็นที่เข้าตาทีมใหญ่แต่ก็ยังถือว่าเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นอาชีพในฐานะนักกีฬาอีสปอร์ตเท่านั้น จุดเปลี่ยนที่พีคจริงๆ ของทั้งสองคนก็คือปี 2018 ที่ได้ส่วนแบ่งจากการแข่งขัน Overwatch League - Season 1 Playoffs ไปมากถึง 142,857.14 หรือ ประมาณ 4.5 ล้านบาท และแม้ว่าทั้งปีจะแข่งขันเพียงแค่ 3 ทัวร์นาเมนต์ แต่ก็สามารถเก็บเงินรางวัลไปได้ถึง 160,281.38 (5.1 ล้านบาท) ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับวงการ Overwatch

ในวงการอีสปอร์ต Overwatch เป็นเกมที่มีเงินรางวัลที่น้อยกว่าเกมอื่นๆ มาก นอกจากนี้ยังมีโปรเพลเยอร์เพียงแค่ 3 คนที่มีชื่อเป็น 1 ใน 500 ผู้เล่นที่ทำเงินจากเงินรางวัลมากที่สุด (Gesture ได้อันดับที่ 480, Profit ได้อันดับที่ 481 และ Closer ได้อันดับที่ 483) จนหลายๆ คนคิดว่าเกมอาจจะตายลงได้ แต่ Overwatch ก็ยังคงเป็นเกมที่ขึ้นหิ้ง 1 ใน 10 เกมที่มีคนชมมากที่สุดใน Twitch ปี 2018 แสดงให้เห็นว่าอีสปอร์ตของเกม OW เป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้ เพราะแม้รูปแบบการแข่งขันอีสปอร์ตของ Overwatch จะแตกต่างจากเกมอื่นๆ และไม่ได้มีการแข่งขัน World เหมือนชาวบ้านเขา แต่การที่มี Overwatch League และ Overwatch Contenders ก็ช่วยขับเคลื่อนวงการอีสปอร์ตของเกมลูกครึ่งแนว FPS ผสม MOBA ให้ไปข้างหน้าได้เหมือนกัน

 

ยุคนี้เป็นยุคสมัยของการแข่งขันอีสปอร์ต มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในวงการเรื่อยๆ ผลักดันให้วงการนี้โตแบบก้าวกระโดด สร้างอาชีพใหม่ๆ ให้เหล่าเกมเมอร์ที่มีฝีมือ การเอาชนะทัวร์นาเมนต์แค่เพียงครั้งเดียวก็อาจสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่และเปลี่ยนชีวิตของตัวเองไปได้ตลอดกาล น่าสนใจว่าเมื่อจบปีนี้ เหล่าสุดยอดผู้เล่นที่ได้เงินรางวัลสูงสุดของแต่ละเกม จะยังคงความเก๋า และรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ได้หรือไม่