Apex Legends หนึ่งในชื่อเกม Battle Royale แถวหน้าของวงการในตอนนี้ ที่ต่อให้คนจะสาปแช่งว่าเกมหมา เกมกากแค่ไหน แต่จำนวน Player ต่อวันของเกมนี้ ไม่เคยจางหายหรือเบาบางลงเลยแม้แต่น้อย แต่มีกี่คนที่รู้กันบ้างว่า เกมนี้อยู่กับเรามานานถึง 4 ปีแล้ว วันนี้เราจะพาทุกท่านมาย้อนอดีตการเปิดตัวและการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเกม Battle Royale ยอดเยี่ยมของโลกอย่าง Apex Legends

การเปิดตัวแบบ Surprise Launch 

 สิ่งที่ทำให้ Apex Legends กลายเป็นตำนานอย่างหนึ่งคือเรื่องของการ Surprise Launch หรือเปิดตัวล่วงหน้าแบบไม่บอกไม่กล่าว พร้อมเล่นได้เลย ไม่ต้องลีลา แฟนเกมยุคปัจจุบันน่าจะเห็นการเปิดตัวแบบนี้กันน้อยมาก ล่าสุดที่ใช้วิธีนี้ก็คือ Hi-Fi Rush ของ Tango Gameworks เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา 

ในช่วงนั้น มกราคม 2019 มีข่าวลือว่า EA เตรียมเปิดตัวเกม Battle Royale ในจักรวาล Titanfall ที่มีชื่อว่า Apex Legends แต่หลังจากมีข่าวลือได้ไม่พ้นสัปดาห์ ตัวเกมก็ทำการ Surprise Launch เปิดตัวพร้อมให้ดาวน์โหลดมาเล่นกัน ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2019 เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์แฟนเกมกันถ้วนหน้า ไม่ต้องลีลา ไม่ต้องรอ พร้อมลุยได้เลย

เป็นการเปิดตัวแบบไม่ต้องรออะไรมาก ตัวเกมพร้อมให้บริการทันที โดยเอาแค่วันแรกตัวเกมมีผู้เล่นสูงหลักล้านคน เพราะมันเป็นเกมเล่นฟรี ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แค่ดาวน์โหลดผ่าน Origin ก็สามารถเข้าเล่นไดด้แล้ว และที่สำคัญคือ Apex Legends นั้น มอบประสบการณ์เกม Battle Royale ที่ไม่เหมือนใครให้กับแฟน ๆ 

ประสบการณ์แห่งความสนุก และให้ผู้เล่น กล้าเล่นมากขึ้น

หลังจากเปิดตัว Apex Legends ก็มีการออกมาให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการพัฒนาเกมก่อนจะเปิดตัวจริง เขามองว่าเกม Battle Royale ก่อนหน้านั้น ผู้เล่นที่พยายามจะคว้าชัยชนะ จะจบลงด้วยการเป็ฯพวกเสือซุ่ม หรือไม่ยอมออกมาบู๊ ถ้าไม่จำเป็น มันอาจจะทำให้เราสนุกกับการได้อันดับสูง ๆ หรือได้ที่ 1 ในเกมรอบนั้น แต่กับบางคนมันอาจจะไม่สนุก การออกแบบเกมนี้ของพวกเขาจึงเน้นไปที่ ความสนุก และให้มีการเล่นเป็นทีมมากกว่าการเล่นคนเดียว เกมนี้จึงเป็นแบบ Trio 3 คน และไม่มีโหมด Solo ให้ได้เล่นกัน โจทย์ของพวกเขาืคอการทำเกมที่ "สนุกที่สุด" และเล่นอย่างกล้าหาญมากกว่าคอยซุ่ม

นักพัฒนาเกมนี้ใช้เวลามากกว่า 100-200 ชั่วโมง ในการทดลองเล่นเกมของพวกเขาเอง เพื่อดูว่ามันสนุกจริง ๆ หรือไม่ และตั้งเป้าให้มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการพัฒนา และที่สำคัญที่สุดคือ การจะให้ผู้เล่นสามารถสื่อสารกันได้โดยแทบไม่ต้องใช้การพูดผ่านไมต์ในเกม เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Apex Legends มีระบบเกมที่ยอดเยี่ยมจนเกมอื่นต้องเจริญรอยตาม นั่นคือระบบ Ping System โดยผู้เล่นสามารถกด Ping ได้แทบจะทุกอย่างภายในเกม ทั้งอาวุธ ระบุตำแหน่งศัตรู ทิศทาง รวมไปถึงเสียงพากย์ของตัวละครที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนผู้เล่นเองเลย ในการสื่อสารกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีม

และระบบทั้งหลายถูกผสมรวมเข้ากับความยอดเยี่ยมในด้านของเกมเพลย์และกันเพลย์ที่รวดเร็วและว่องไวในระดับเดียวกันกับ Call of Duty แต่ลดดีกรีความโหดลงมาให้ผู้เล่นทุกคนพอที่จะสามารถเข้าถึงได้ และ Movement ตัวละครที่รวดเร็วและว่องไว ผิดจากเกมอื่น ๆ ที่เคยมีในตลาด (ณ ตอนนั้น) และที่สำคัญเลยคือ มันเกมเล่นฟรีที่ใครก็เข้าถึงได้ เพียงโหลดและติดตั้ง ยิ่งทำให้เกมมันกลายเป็นกระแสในช่วงข้ามคืน ทำให้นี่เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ตัวเกมมีปัญหาด้านคอนเทนต์ในช่วงซีซั่นแรก ก่อนจะประคับประคองตัวเองได้เมื่อเวลาผ่านไป

เกมที่ไม่เคยเลื่อนการอัปเดตเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอด 4 ปี

สำหรับผู้ที่ไม่ทันได้เล่น Apex Legends มาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ อาจจะไม่รู้ ในตอนแรกที่เกมเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 นั้น แม้ว่าตัวเกมจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แต่ปัญหาที่ตามมาคือ กระแสตอบรับมันดีเกินไปจนแม้กระทั่งผู้พัฒนาเองก็ยังคาดไม่ถึง และแน่นอนว่ามันไม่มีคอนเทนต์รองรับผู้เล่นจำนวนมาก ทำให้ในช่วงแรก ตัวเกมมันกลายเป็นเพียงเกม Battle Royale แบบจบไปเป็นรอบ ๆ เก็บเลเวลไอดี ไม่มี Progression ใดๆ ที่น่าสนใจเลย และผู้เล่นก็เริ่มลดลงไป เพราะมันไม่มีจุดมุ่งหมายในการเล่น

จนกระทั่งช่วงเดือนมีนาคม ตัวเกมได้ทำการอัปเดตใหญ่เป็นครั้งแรก นำพาตัวเกมเข้าสู่ Season 1 Wild Frontier อย่างเป็นทางการ แต่ตอนนั้นมันก็ยังไม่ได้กระแสตอบรับที่ดีพอ เพราะสิ่งที่เพิ่มเข้ามานั้น มีเพียงตัวละครใหม่อย่าง Octane และ Battle Pass Season 1 เท่านั้น แถมระบบ Battle Pass ใน Season 1 ยังมีความยากในการเก็บแบบโหดหินอีกด้วย โดยเล่นจบแต่ละรอบ ได้ EXP เท่าไร ก็ได้ EXP Battle Pass เท่านั้น ทำให้มันเก็บเลเวลพาสได้ยากมาก หากคนเล่น ยิง ไม่เก่งก็แทบจะไม่ได้ EXP เลย

แต่เหมือนผู้พัฒนาจะเตรียมตัวกันไว้แต่แรก จนกระทั่งช่วงมิถุนายน ในตอนนั้นมีการเปิดตัว Season 2 ของ Apex Legends อย่าง Battle Charge ที่มีตัวละครใหม่ มีการปรับปรุงแผนที่เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการ Comeback อย่างมาก เพราะตัวเกมได้รับกระแสตอบรับที่ดี มีคนกลับมาเล่นเยอะขึ้น และนับตั้งแต่ Season 2 เป็นต้นมา ตัวเกมได้ทำการอัปเดตแบบเป๊ะ ๆ แทบจะตรงเวลานั่นคือทุก ๆ 3 เดือนต่อ 1 ซีซั่นเรื่อยมาตลอด 4 ปี จนกระทั่งปัจจุบันที่ตัวเกมกำลังจะเข้าถึง Season 16 กันแล้ว เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งแรก นั่นคือใน Season 16 จะไม่มีตัวละครใหม่เข้ามา

กล่าวได้ว่า Apex Legends ในช่วงแรกนั้น เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ก็มีสะดุดบ้างเล็กน้อย เพราะไม่ได้รับมือกับกระแสตอบรับที่ดีเกินไป แต่พอเข้าที่เข้าทางได้ และเริ่มกวาดรายได้มหาศาล จนมันกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองใหม่ให้กับ EA ในระดับที่เกินหน้าเกินตา Battlefield ทำให้ EA และ Respawn หันมาโฟกัสและผลักดันมันจนถึงที่สุด จนกระทั่งมีการต่อยอดไปยังเวอร์ชั่นมือถือที่ไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้..

Apex Legends Mobile ความพยายามที่ผิดที่ผิดทางบนเวอร์ชั่นมือถือ

ปี 2022 หลังจาก Apex Legends ต้นฉบับ เปิดให้บริการมาถึง 3 ปีเต็ม ทาง EA และ Respawn ก็ประกาศเปิดตัว Apex Legends Mobile โดยหวังจะทำการตีตลาดผู้เล่นเกมมือถือเพิ่ม แน่นอนว่าตัวเกมนั้น ได้รับคำชมในระดับที่ดี เพราะมันเหมอืนกับการยกเอาตัวเกมมาใส่ไว้บนมือถือได้อย่างลงตัว แต่เมื่อช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา แฟนเกมน่าจะได้เห็นข่าวกันแล้วว่า ตัวเกม Apex Legends Mobile จะปิดตัวลงภายในปีนี้ ทำเอาแฟน ๆ ถึงกับงงว่าเพราะอะไรเกมที่ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี จึงปิตตัวลงทั้ง ๆ ที่ยังเปิดให้บริการได้ไม่ครบปี

ปัญหาของ Apex Legends Mobile อย่างแรก เชื่อว่าไม่ต้องพูด แฟน ๆ ก็น่าจะรู้กันดี มันคือเรื่องของโปรแกรมช่วยเล่นหรือ Hacker ที่ค่อนข้างระบาดหนักมาก ส่งผลไปถึงจำนวนผู้เล่นที่ลดลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เปิดตัว เมื่อยอดผู้เล่นลดลง ทำให้รายได้เองก็ลดลงด้วย แต่ผู้เขียนมองว่า ปัญหาใหญ่จริง ๆ ของ Apex Legends Mobile นั้น คือการที่มันเป็นเกมมือถือที่ไม่ค่อยเหมือนเกมมือถือสักเท่าไร ด้วยเกมเพลย์การเล่นที่ดุเดือด ใช้ความเชี่ยวชาญสูง และเป็นเกมที่ใช้เวลาในการเล่นต่อรอบค่อนข้างนาน การกินทรัพยากรเครื่องในระดับนึง ทำให้มันพกพาออกไปเล่นข้างนอกได้ไม่ค่อยจะสะดวก ไม่สมกับเป็นเกมมือถือเท่าไร ต่อให้มีการเพิ่มคอนเทนต์อย่าง Team Deathmatch หรือโหมดยิบย่อยอื่น ๆ เข้ามา แต่เอกลักษณ์ของ Apex Legends Mobile ก็คือ Battle Royale ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยจะช่วยอะไรได้มากนัก

และมันน่าเสียดายตรงที่ตัวเกมในเวอร์ชั่นมือถือนั้น มีการลงทุนอย่างมหาศาล ทั้งจากในไทยและต้นฉบับเอง ตัวเกมต้นฉบับ มี Exclusive Legend ถึง 2 คน อย่าง Rhapsody และ Fade และมีการพากย์ไทยอย่างเต็มรูปแบบด้วย แต่ตัวเกมกลับไม่ประสบความสำเร็จจนต้องปิดตัวลง ถือว่าน่าเสียดายจริง ๆ

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น Apex Legends ฉบับ PC ก็เปิดตัวมาได้อย่างยาวนานกว่า 4 ปีแล้ว และการมาถึงของ Season 16: Revelry นั้น ก็ยังเป็นการยกระดับตัวเกมไปอีกขั้นด้วยการมาถึงของ Team Deathmatch โดยต่อจากนี้ตัวเกมจะไปในทิศทางไหนต่อ ปีที่ 5 ของ Apex Legends จะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอติดตามต่อไป