Diablo Immortal เป็นเกมแนว RPG ที่มีความรวดเร็วสูงอีกทั้งยังมีรายละเอียดข้างในมากกว่าเกมอื่น ๆ ทั่วไปอีก ระหว่างการทำภารกิจในเกมผู้เล่นอาจจะต้องอยู่กลางสมรภูมิรบที่วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็น ระเบิด, เวทมนต์ หรือฝูงมอนสเตอร์ก็ตาม ด้วยทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นเกิด " ข้อผิดพลาด " และมาตามด้วยปัญหาต่าง ๆ บางอย่างก็เป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถ้ามองข้ามมันไปก็อาจจะส่งผลให้เกมเล่นยากขึ้นนิดหน่อย บางอย่างก็ปัญหาที่ถ้าไม่แก้ไขเร็วก่อจะเกิดขึ้นก็จะทำให้เล่นต่อยากขึ้นหรืออาจถึงขั้นต้องเริ่มเล่นใหม่กันเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น วันนี้ทาง GameFever TH ก็ได้รวบรวมเหล่า " ข้อผิดพลาด " ที่ผู้เล่นทุกคนมักทำขณะเล่น Diablo Immortal มาฝากกัน แต่จะเป็ยอย่างไรบ้างนั้นก็ไปดูกันเลย !!

10. ลืมเปิด Auto Pick-up ( เก็บของอัตโนมัติ )

    ในเกม Diablo Immortal เมื่อฆ่ามอนสเตอร์หรือเปิดกล่องสมบัติ ก็มักจะดรอปไอเทมต่าง ๆ ลงบนพื้น ทั้ง อาวุธ ชุดเกาะ Gems และอุปกรณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้เล่น บ่อยครั้งในขณะที่กำลังเมามันส์กับการต่อสู้อยู่ ก็อาจจะมีไอเทมโหด ๆ ดรอปออกมาซึ่งเราก็ไม่ได้สังเกตมันที่ตกอยู่บนพื้นหรือคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาเก็บก็ได้แล้วสุดท้ายก็ลืมมันไป

โดยวิธีแก้ไขเหตุการณ์นี้ง่าย ๆ เลยก็คือการเปิดโหมด Auto Pick-up นั่นเอง มันจะเก็บไอเทมทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งผู้เล่นก็สามารถปรับแต่งมันได้ว่าให้เก็บไอเทมเฉพาะที่เราต้องการเท่านั้น

9. ใช้ฮีลผิดจังหวะ

    ในช่วงต้นเกม จะเป็นเรื่องง่ายที่จะลุยผ่านกองทัพทหารโครงกระดูก, แมงมุม, มนุษย์หมาป่า, ปีศาจ และมอนสเตอร์อื่นๆ ที่เราจะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย เมื่อไปถึงในระดับที่สูงผู้เล่นจะต้องไปเผชิญกับเหล่ามอนสเตอร์บอสที่ยากขึ้น จนทำให้ผู้เล่นอาจจะประมาทและไม่ใส่ใจเรื่องพลังชีวิตของตัวเอง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นศพไปแล้ว

เราควรรู้ว่าจะใช้ Health Potions เมื่อไหร่และตอนไหน ซึ่งการรักษาพลังชีวิตก็มีหลายวิธีด้วยกัน นอกจากขวดยาแล้วก็ยังจะมี Red Health Orbs ที่จะดรอปจากการฆ่ามอนสเตอร์หรือสร้างความเสียหายใส่บอส ลูกแก้วสีแดงจะช่วยรักษาพลังชีวิตและดูดซับความเสียเล็กน้อย ในขณะที่ Health Potions กำลังคูลดาวน์ หรือยังไม่ถึงโอกาสที่เหมาะสม Red Health Orbs ก็จะช่วยให้เรารอดจากสถานการณ์นั้น ๆ ได้

8. เลือกสกิลผิด

    ทุกคลาสมีสกิลที่หลากหลาย ปลดล็อกสกิลใหม่ๆ และเพิ่มพลังของสกิลเก่าเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้น บางทักษะก็มีความสามารถเพียงแค่เพิ่มความเสียหายพื้นฐาน ในขณะที่บางทักษะก็เป็นสกิลเกี่ยวกับยุทธวิธี เช่น Necromancer's Bone Wall ซึ่งจะสามารถชสร้างสิ่งกีดขวางฉุกเฉินเพื่อปกป้อง หรือทำเป็นตำแหน่งที่ได้เปรียบให้แก่ผู้เล่น

7. ไม่สุงสิงกับผู้เล่นคนอื่น

    Diablo Immortal ไม่ได้เป็นเพียงเกมแนว RPG เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความ MMO ผสมอยู่ด้วย เกือบทุกที่ที่ไป ผู้เล่นจะได้พบกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะอัพเกรดไอเทมที่ช่างตีเหล็ก ช็อปปิ้ง เก็บเงินรางวัล หรือแม้กระทั่งการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ เกมส่วนใหญ่เราสามารถเล่นคนเดียวได้ โดยผ่านภารกิจหลักหรือการลงดันเจี้ยนก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเควสบางอย่างดีกว่าการจะทำแค่ภารกิจหลักซึ่งก็อาจจะไม่่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว

 การผจญภัยร่วมกับผู้เล่นคนอื่นก็อาจจะช่วยปกปิดจุดอ่อนของคลาสที่เรากำลังเล่นได้ นักสู้ระยะประชิดจะได้รับความช่วยเหลือผู้เล่นที่โจมตีระยะไกลจากแนวหลัง ส่วนตัวละครที่โจมตีระยะไกลและนักเวทย์จะได้รับการปกป้องจากผู้เล่นแนวหน้าเพื่อป้องกันความเสียความที่รุนแรง การมีผู้เล่นคนอื่นอยู่ในปาร์ตี้ก็เพื่อช่วยเหลือหรือชุบชีวิตเรา ทำให้ผ่านภารกิจต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

6. ไม่สนใจภารกิจ Bounties ( ล่าค่าหัว )

    เราอาจจะไม่สนใจเพราะคิดว่ามันไม่ใช่ส่วนสำคัญอะไร ไม่ต้องทำก็ได้ แต่หากเรานั้นได้เล่นไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะรู้สึกว่าความยากของภารกิจหลัก หรือภารกิจที่ผู้เล่นต้องการเล่นเพื่อเอาไอเทมนั้น ๆ มันยากเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าต้องการที่จะอัปเกรตตัวละครของเรา แต่พอไปดูก็ไม่รู้ว่าจะอัปเกรดได้อย่างไร เพราะเควสที่ผ่านมาให้ Exp. หรือทองไม่พอต้อความต้องการ

การไปดูที่ Bounty Board บ่อย ๆ เพื่อจะได้ทำมัน และการล่าค่าหัวยัง เป็นวิธีที่ง่ายและค่อนข้างรวดเร็วในหาทอง ไอเทต่างๆ  และ Exp. แม้แต่ผู้เล่นที่เล่นจากภารกิจหลักจบแต่ไปต่อไม่ได้ เพราะมีเลเวลไม่สูงพอ ก็สามารถมาฟาร์มาใน Bounties ได้เช่นกัน โดยภารกิจส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างง่ายไม่ซับซ่อน เช่น หาของ ฆ่ามอนสเตอร์ที่ระบุบ เป็นต้น

5. ไม่ใช่เทเลพอร์ต

    แผนที่ของ Diablo Immortal นั้นใหญ่มาก ครอบคลุมพื้นที่ศูนย์กลาง ไบโอม และดันเจี้ยนต่าง ๆ ในตอนแรก ผู้เล่นถูกบังคับให้เดินไปทุกที่ แต่หลังจากพวกเขาจะปลดล็อกความสามารถในเทเลพอร์ตไปยังจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ได้อย่างรวดเร็ว และมันจะเพิ่มจุดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ไปสำรวจพื้นที่ใหม่ ๆ

การเทเลพอร์ตทำให้การเดินกลับไปยัง Westmarch เพื่อทำธุระต่าง ๆ เป็นเรื่องไม่จำเป็น เว้นแต่ว่าผู้เล่นจะมีเหตุผลอื่นระหว่างทางเดินกลับที่ดีก่วาเทเลพอร์ทันที 

4. อย่าเสียดายที่จะอัปเกรดไอเทม

    ในบางเกมการอัปเกรดอุปกรณ์ไอเทมให้เร็วไป มีโอกาสที่จะทำให้เสียวัตถุดิบไปโดยใช่เหตุ เพราะการทำเช่นนี้หมายถึงการทิ้งทรัพยากรลงในไอเท็มที่จะถูกทำให้ล้าสมัยในไม่ช้า ทำให้ผู้เล่นเก็บวัตถุดิบไว้แล้วรอจนกว่าจะเจอไอเทมที่ต้องการจึงจะใส่มัน แต่ระหว่างทางที่จะได้มาก็คงต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมากเสียก่อน

แต่ใน Diablo Immortal ได้แก้ปัญหานี้โดยอนุญาตให้ผู้เล่นโอน Rank และ Gems ที่ใส่จากไอเทมชิ้นหนึ่งไปยังอีกชิ้นหนึ่ง ได้ แทนที่จะสะสมทรัพยากรเอาไว้ แต่จงใช้มันอย่างอิสระ

3. ไม่ปลดล็อก Helliquary

    เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของ Diablo Immortal นั่นก็คือ Helliquary หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจหลักใน Bilefen แล้ว ผู้เล่นจะกลับไปที่ Westmarch และพบกับ Rayoc ซึ่งจะมอบหมายงานให้ไปทำภารกิจ Level Six Challenge Rift ให้สำเร็จ

การสังหาร Chaos Herald Pyl จะทำให้ผู้เล่นได้รับ Scoria ชิ้นแรก ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่จำเป็นในการอัปเกรด Helliquary การอัประดับของ Helliquary จะเพิ่มระดับของไอเท็มการต่อสู้ที่ได้รับจากมัน การปลดล็อก Helliquary จะทำให้ผู้เล่นเริ่มรับ Scoria จากภารกิจจาก Battle Pass Quests และ Raids

2. ปล่อยไอเทมในคลังเต็ม

    ด้วยสแตทที่หลากหลาย ช่องใส่ Gems และความสามารถพิเศษให้คิดว่าจะใช้อะไร การเลือกอุปกรณ์อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และง่ายต่อการปล่อยให้สินค้าคงคลังเต็มไปด้วยไอเทมที่มีความแตกต่างกัน

แทนที่จะจมอยู่กับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงต้นเกม จะดีกว่าที่จะสวมใส่ไอเท็มที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนั้น การทำเช่นนี้เป็นเรื่องง่ายเนื่องจาก เกมจะระบบที่ทำเครื่องหมายใส่ไอเทมที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยลูกศรสีเขียวที่หันขึ้นในคลังสินค้า เมื่อผู้เล่นคุ้นเคยกับเกมมากขึ้น เราจะสามารถเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดได้โดยไม่ต้องพึ่งระบบ

1. เลือกคลาสที่ผิด

    Diablo Immortal มีทั้งหมด 6 คลาส ได้แก่ Barbarian, Crusader, Demon Hunter, Monk, Necromancer และ Wizard เหล่านี้มีจุดแข็งจุดอ่อนที่ไม่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็น การสร้างความเสียหายต่อเป้าหมายเดียวที่สูง, AoE, CC, การโจมตีระยะประชิด หรือความว่องไหวคล่องตัว และแต่ละคลาสก็มีความ Balanced เป็นของตัวเอง

ไม่มีคลาสไหนที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากพวกเขามีความสามารถและสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกคลาสที่นั่นจึงจำเป็นต้องเลือกคลาสที่ตัวเองชอบที่สุด เพราะจะทำให้เราเล่นมันได้นานและพัฒนามันได้ไกล