GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
โลกแฟนตาซีที่รอคุณอยู่! : 10 เหตุผลที่คุณควรเล่น Final Fantasy XIV Online ในเวลานี้!
ลงวันที่ 01/09/2020

หมายเหตุ : ผู้เขียน เขียนบทความนี้จากประสบการณ์การเล่น Final Fantasy XIV Online นับตั้งแต่ Open Beta ของ A Realm Reborn จนถึง Expansion ล่าสุด Shadowbringers เป็นเวลาเจ็ดปีเต็ม

หมายเหตุ 2 : ในบทความนี้ ถ้ามีจุดที่ตกหล่น หรืออยากจะท้วงติง ถกเพื่อสนทนา ผู้เขียนมีความยินดีอย่างยิ่ง และพร้อมต้อนรับทุกคนที่สนใจ สู่โลกแห่ง Eorzea ด้วยความเต็มใจครับ

ในแวดวงวิดีโอเกมยุคโมเดิร์นนั้น อาจจะกล่าวได้ว่า เกมแนว Massive Multiplayer Open-World RPG หรือ ‘MMORPG’ นั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและมีประวัติศาสตร์ที่มีสีสันที่สุดประเภทหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันต้องใช้ทั้งกำลังแรงงานผู้สร้าง ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดที่จะดึงดูดผู้เล่นให้อยู่ติดและยอม ‘จ่ายเงิน’ รายเดือนเพื่อเล่นมันต่อไป เช่นเดียวกับที่ Final Fantasy XIV เป็น และมันเป็นยิ่งกว่าประวัติศาสตร์ เพราะมันผ่านจุดที่ตกต่ำที่สุด ไม่ใช่แค่ในฐานะตัวเกม แต่ในฐานะแฟรนไชส์ของ Final Fantasy เลยด้วยซ้ำ



Final Fantasy XIV เปิดตัวเวอร์ชัน ‘1.0’ ในปี 2010 พร้อมเสียงตอบรับในทางลบอย่างมหาศาล ทั้งการเล่นที่ยากลำบาก เนื้อหาที่ไม่น่าสนใจ และระบบที่ไม่เป็นมิตรกับผู้เล่นเป็นอย่างมาก เสียงทางลบนั้นมากเสียจน Yoichi Wada ประธานบริษัท Square-Enix ในเวลานั้น ต้องออกตั้งโต๊ะแถลงการณ์ขออภัยต่อผู้เล่น และปลด Hiromichi Tanaka โปรดิวเซอร์คนเก่าออก ก่อนที่จะโยกย้าย Naoki Yoshida ที่ในเวลานั้น กำลังง่วนอยู่กับโปรเจ็กต์ Dragon Quest X ให้มาทำหน้าที่ ‘กอบกู้ซาก’ ของ FFXIV ให้กลายเป็น ‘เกมใหม่’ ที่จะเรียกศรัทธาผู้เล่นกลับมาอีกครั้ง (พวกเขาถึงกับทำเหตุการณ์ ‘ระเบิดเซิร์ฟเวอร์’ อย่างยิ่งใหญ่อลังการ จนกลายเป็นเทศกาลประจำปีทุกวันที่ 27 สิงหาคมกันเลยทีเดียว)

[caption id="attachment_66005" align="alignnone" width="1024"] เหตุการณ์ The Calamity ที่ Bahamut หลุดจากการจองจำบนดวงจันทร์ Dalamud และเกือบทำลายทั้ง Eorzea ให้เป็นจุลด้วย Teraflare วันระเบิดเซิร์ฟเวอร์ เกมเวอร์ชัน 1.0 ที่อลังการงานสร้างอย่างมาก[/caption]

FFXIV กลับมาอีกครั้งในปี 2013 ภายใต้ชื่อ ‘A Realm Reborn’ และที่เหลือคงไม่ต้องสาธยายกันให้มากความ มันค่อยๆ ไต่บันไดความสำเร็จและความยอดเยี่ยมไปทีละขั้น ด้วยการเล่นที่ดีขึ้น กราฟิกที่สวยงามขึ้น และเนื้อหาที่น่าติดตามมากขึ้น จนมาถึงวันนี้ กับ Expansion ตัวที่สามอย่าง Shadowbringers ที่เลยล่วงมาถึงแพทช์ 5.3 ‘Reflections in Crystal’ ที่เหล่าผู้เล่นถึงกับยกให้มันคือ ‘จุดสูงสุด’ ของ FFXIV ในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมา



ที่เกริ่นมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงการแนะนำในเบื้องต้น และสำหรับผู้เขียนที่เล่นและติดตาม FFXIV มาในตลอดเจ็ดปี ก็ต้องขอบอกว่า ไม่มีช่วงไหนจะเหมาะสมที่จะเข้าสัมผัสความสนุกของ MMORPG อย่าง FFXIV เท่ากับเวลานี้อีกแล้ว ด้วย 10 เหตุผล ที่ยังคงแจ่มชัด และน่าจะทำให้พี่ๆ เพื่อนๆ ผู้อ่านสนใจกันอยู่ไม่น้อย และถ้าบทความชิ้นนี้ ทำให้ใครติดใจ และผูกใจกับโลกแห่ง Eorzea ได้บ้างแล้วล่ะก็ ผู้เขียนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

-กราฟิกสวยงาม และใช้สเปคเครื่องที่ไม่สูงนัก

ข้อดีประการแรกของ FFXIV ในตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมานั้น คงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า มันเป็นเกม MMORPG ที่กินทรัพยากรของ PC ค่อนข้างน้อยมาก ภายใต้งานออกแบบศิลป์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีความโดดเด่นชัดเจน และแม้ว่าในปัจจุบัน ทีมพัฒนาจะทำการอัพเกรดเอนจิ้นของตัวเกมให้รองรับสำหรับ DirectX11 เท่านั้น แต่มันก็ยังถือว่าเป็นลิมิตที่ต่ำมากๆ สำหรับ PC สายเล่นเกมโดยทั่วไป (ที่การ์ดจอของใครหลายคนน่าจะรองรับไปถึง DirectX12 และระบบ Ray Tracing กันแล้ว…) มันรันได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงอนิเมชันตัวละครที่หลากหลาย ปรับแต่งตัวละครได้ตามแต่ใจต้องการ ในระดับที่ต่อให้คุณกดสุ่มสร้างตัวละคร มันก็ยังออกมาดูดี คงยากจะหาเกมไหนที่จะมีคุณสมบัติเทียบเคียง FFXIV ได้



แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เครื่อง PC ไม่แรงมากนัก และไม่คิดว่าจะสามารถรัน FFXIV ได้อย่างที่ควรจะเป็น ก็อยากจะบอกให้หายห่วง นั่นเพราะว่า…
-ระบบ Cross-Play ระหว่าง PC และ Playstation 4

Final Fantalsy XIV ยืนยันตัวตนในฐานะเกม MMORPG แบบ Cross-Play มาตั้งแต่แรกเริ่ม ที่ผู้เล่นบน PC และ Playstation 3 (หรือ Playstation 4 ในตอนนี้) สามารถเล่นร่วมเซิร์ฟเวอร์เดียวกันได้ และหนึ่ง ID ก็สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งสองแพลทฟอร์ม (แต่แน่นอน เนื้อหาเสริม Expansion ก็ยังเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะสามารถเล่นไปได้ถึงระดับไหน…) แน่นอนว่าการเป็นเกม Cross-Play นั้น ทาง SQEN ได้คิดเผื่อสำหรับการควบคุมด้วยจอยแพดเอาไว้เป็นอย่างดี และนี่เป็นหนึ่งในเกม MMORPG ที่ใช้จอยแพดเล่นได้ง่ายมากๆ เกมหนึ่งในตลาดปัจจุบัน หรือถ้าไม่ถนัดจริงๆ คุณจะเอาคีย์บอร์ดกับเมาส์มาเสียบ USB กับเครื่อง Playstation 4 ก็ได้ เพราะมันถูกกำหนดเอาไว้เป็น Native Support โดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรให้มากความ



เล่นร่วมกันได้ กินสเปคไม่สูง แต่อาชีพที่หลากหลายก็ชวนให้ลายตาอยู่ไม่น้อย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เย็นใจได้เลย เพราะ…
-หนึ่งตัวละคร เล่นได้ทุกอาชีพ

FFXIV นำเอาเสน่ห์แบบ Final Fantasy III และ Final Fantasy V เข้ามาผนวกไว้กับตัวเอง เพราะตัวละครของคุณหนึ่งตัว สามารถเป็นได้ ‘ทุกอาชีพ’ เท่าที่ใจอยากจะเป็น แค่เพียงเปิดเควสต์ เปลี่ยนอาวุธหลัก คุณก็สามารถสลับไปเล่นอาชีพอื่นๆ ได้ตามต้องการ วันนี้คุณอยากจะเล่นเป็น Black Mage จอมเวทย์ร่ายคาถา แต่ถ้าเบื่อๆ แล้วอยากไปชนกับศัตรูซึ่งๆ หน้า เปลี่ยนอาวุธมาเป็นขวานแล้วสลับเป็น Warrior ก็ย่อมได้ ในที่นี้ รวมถึงอาชีพสายขุดหาของและสายคราฟท์ ซึ่งอยู่ในกฏเกณฑ์เดียวกัน ทำให้คุณไม่ต้องสร้างตัวละครเป็นสิบๆ เพื่อรองรับกับอาชีพที่แตกต่าง ขอเพียงยังมีช่องว่างใน Armory Slot สำหรับอาวุธ ทุกอาชีพที่คุณปลดล็อคไว้แล้วก็พร้อมจะให้คุณเลือกเล่น แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาในการ Leveling ปลดล็อคความสามารถต่างๆ ตามระยะเวลา แต่ร้านค้า Mogstation ก็มีไอเทมพิเศษแบบจ่ายเงินจริง ให้คุณ skip เลเวลได้ตัวละครพร้อมใช้ในทันที



แต่ผู้เขียนก็ไม่ขอแนะนำในหนทางนี้ เพราะ….
-เนื้อเรื่องสุดเข้มข้น ขับเคลื่อนทุกส่วนของตัวเกม

Final Fantasy XIV คือเกมที่เป็น Story-Centric โดยแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาหลัก Main Scenario ที่เข้มข้นในตลอดสาม Expansions ก็ดี (สงครามมังกรพันปี Dragonsong War ใน Heavensward, ภารกิจกอบกู้ Ala Mhigo จากจักรวรรดิใน Stormblood และการช่วยเหลือโลกต่างมิติใน Shadowbringers...) หรือแม้แต่เนื้อเรื่องของอาชีพต่างๆ ที่มีหลากหลายครบรส ทั้งดราม่า ตลกโปกฮา ซาบซึ้งใจ และน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพสายขุดสายคราฟท์ ที่มีเนื้อเรื่องเฉพาะเป็นของตัวเอง



อันที่จริง คุณอาจจะไม่ต้องสนใจเนื้อหาและกด Skip ข้ามไปเลยก็ได้ แต่ขอบอกว่า คุณจะพลาดอรรถรสของตัวเกมไปเกือบครึ่ง ที่ทีมสร้างได้รจนาเรื่องราวไว้ได้อย่างจับใจ โดยเฉพาะกับภาค Shadowbringers ที่ Natsuko Ishikawa มือเขียนบทระดับต้นๆ ของทีม (ผู้เขียนบทอาชีพ Dark Knight อันลือชื่อ) สร้างสรรค์เรื่องราวได้อย่างอลังการ จนผู้เล่นต่างยกย่องให้แพทช์ 5.3 ว่าเป็น ‘จุดสูงสุด’ ของ FFXIV กันเลยทีเดียว (อ้อ แล้วในแพทช์ 5.3 ทีมพัฒนาทำการ ตัดทอน ภารกิจส่วนเกินที่ไม่จำเป็นในช่วง A Realm Reborn ไปเกือบ 30% ทำให้ pace การเล่นเร็วขึ้น สะดวกสบายแก่คนเล่นมากขึ้นด้วย นับเป็นนิมิตหมายที่ดีครับ~)



แต่ลางเนื้อชอบลางยา ถ้าเนื้อหาไม่ใช่สิ่งที่คุณสนใจมากมายนักแล้วนั้น….
-เกมมีเมคานิคสุดท้าทาย รองรับกับผู้เล่นทุกระดับ

เหตุผลที่ผู้เขียนไม่แนะนำให้คุณทำการ Skip เลเวล และให้เรียนรู้จากเบื้องต้น เพราะ FFXIV ยังเป็น MMORPG ที่ยังยึดกฎ ‘Holy Trinity’ สามโรลหลัก Tank, Healer, DPS และทุกการปะทะ ไม่ว่าจะดันเจี้ยนธรรมดา ไปจนถึง Savage Raid ระดับสุดโหด คุณต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง รู้ว่าอาชีพของตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง และจับมันให้อยู่มือ นี่ไม่ใช่เกมเดินทอดน่องเก็บเลเวลดาดๆ แต่เป็นเกมที่ทุกคนต้องรู้หน้าที่ และหนุนเสริมส่งซึ่งกันและกัน มันมีตั้งแต่ระดับง่ายๆ ผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น จนถึงระดับซูเปอร์ Ultimate Raid ที่ท้าทายเหล่ายอดมนุษย์ทีม Raider มือฉมัง (พร้อมของรางวัลเป็นอาวุธเอาไว้ใส่เดินขิง…) เรียกว่าคุณจะไม่ได้อยู่เฉยๆ แน่ๆ ถ้าเดินตามเนื้อหาที่วางเอาไว้ คุณจะได้พบกับทุกการปะทะอย่างแน่นอน



แล้วสำหรับผู้เล่นสาย  Casual ล่ะ? คนที่อยากจะเอกเขนกเล่นเกมดูบรรยากาศอย่างสบายใจ หายห่วง นั่นเพราะ…
-อีเวนท์ประจำปีไม่มีขาด

ถ้าไม่นับ World of Warcraft ที่มีอีเวนท์ประจำปีระดับแน่นอนชนิดแปะเป็น In-Game Calendar แล้วนั้น FFXIV ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่มากหลายด้วยอีเวนท์สนุกๆ ประจำปีให้ได้ร่วมสนุกกัน ไม่ว่าจะเป็นอีเวนท์ข้ามปี อีเวนท์หน้าร้อนชายทะเล อีเวนท์วันเด็กหญิงของญี่ปุ่น อีเวนท์ระลึกวัน ‘ระเบิดเซิร์ฟเวอร์’ อีเวนท์วันฮัลโลวีน จนถึงอีเวนท์วันวาเลนไทน์ มันอาจจะเป็นเพียงส่วนประกอบง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่ก็เช่นเดียวกับทุกส่วนของตัวเกม ทุกอีเวนท์ผ่านการเขียนบทและรจนามาได้อย่างพอเหมาะ เล่นได้สนุกและบันเทิงอยู่ไม่น้อย พร้อมของรางวัลตอบแทนอีกมากมาย (อ้อ ผู้เล่นสามารถซื้อแพ็คเกจ แต่งงาน ในเกมได้ด้วย ซึ่งจะได้ของแถมพิเศษอีกต่างหาก~)



แล้วนอกเหนือจากอีเวนท์ประจำปี มันมีอะไรที่เกี่ยวโยงกับ Final Fantasy ภาคก่อนๆ หรือเปล่า? เชื่อว่านี่เป็นคำถามที่น่าจะเกิดขึ้น และในความเป็นจริงนั้น…
-References กับซีรีส์ Final Fantasy (และซีรีส์เกมอื่น) ใส่มาจนล้นไม่มีขาดตก

ด้วยการยืนอายุของซีรีส์ Final Fantasy มากว่าสามทศวรรษ ทำให้ทีมงานสร้างของ XIV มีวัตถุดิบที่จะสามารถจะหยิบจับมาใช้ได้อย่างอยู่มือ ผู้เล่นจะได้พบกับตัวละครที่คุ้นเคย เหตุการณ์ที่คุ้นเคย จนถึง Dungeon และบอสที่คุ้นเคยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Raid แบบ 24 คนไต่ Crystal Tower จากภาคสาม, การใส่ดันเจี้ยนที่พ้องเนื้อหาไปกับโลก Ivalice ของ Final Fantasy Tactics และ Final Fantasy XII หรือการ Collaboration ล่าสุดกับ Yoko Taro กับซีรีส์ Nier : Automata ที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นภายใต้ชื่อ YoRHa: Dark Apocalypse เรียกว่าคนที่ติดตามซีรีส์ Final Fantasy มาโดยตลอด จะต้องมีจุดที่ต้องโดนใจเข้าสักที่สองที่อย่างแน่นอน



แต่เนื้อหาและการ Collaborate ที่มากมายอาจจะไม่เพียงพอ เพราะการสร้างเกมนั้น ‘ดนตรี’ ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญ นั่นทำให้…
-ดนตรีในเกมนี้คืออลังการศิลป์อย่างแท้จริง

จุดเด่นหนึ่งของ FFXIV ที่มีมาในตลอดทุก Expansions นั้น คือดนตรีประกอบ ที่ได้ทั้ง Nobuo Uematsu ปรมาจารย์รุ่นเก๋าแห่ง SQEN มาร่วมช่วยสร้าง ประกอบกับฝีมือของ Masayoshi Soken โปรดิวเซอร์เพลงหลักที่ทำดนตรีให้กับทุกการปะทะร่วมกับวง The Primals และเพลงเปิดอันยิ่งใหญ่ในเสียงร้องระดับสวรรค์สร้างของ Susan Calloway ชนิดที่ทุกเพลง สามารถรวมฮิตออกขายซื้อมาฟังได้แบบไม่เสียดายเงิน มันคือการกลั่นทุกประสบการณ์ทางดนตรีของทีมสร้างอย่างไม่มีกั๊กไม่มีเม้ม ที่พร้อมจะทำให้มันสุดยอดยิ่งๆ ขึ้นไป



แต่เกมที่หนักเนื้อหาและแน่นคอนเทนต์ขนาดนี้ เราจะไว้ใจได้แค่ไหนว่าพวกเขาจะนำเสนอออกมาได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย หายห่วงครับ นั่นเพราะ…
-คุณภาพคอนเทนต์เกมไม่เคยตก ด้วยระบบ Subscription-Based

FFXIV เป็นหนึ่งในไม่กี่เกม MMORPG ที่กล้ายืนหยัดด้วยระบบ ‘จ่ายรายเดือน’ แบบ Subscription-Based ซึ่งทีมสร้างก็ไม่ทำให้ผู้เล่นผิดหวัง เพราะพวกเขามีตารางที่ชัดเจนในการปล่อยคอนเทนต์ตอนใหม่ๆ และเพิ่ม Features ที่น่าสนใจชนิดที่ไม่มีขาด มีอะไรให้ทำทั้งสาย Casual และ Hardcore แน่นอนว่าในแพทช์ล่าสุด 5.3 อย่าง Reflections in Crystal มีอุปสรรคจากวิกฤติ COVID-19 ที่ทำให้พวกเขาต้องปล่อยมันออกมาช้ากว่ากำหนดถึงเดือนครึ่ง (และกระทบถึงแพทช์อื่นๆ และการเปิดตัว Expansion ใหม่…) เพราะต้องจัดระบบการทำงานเพื่อป้องกันสุขภาพของทีมงาน



แต่ Naoki Yoshida ก็ยืนยันผ่านรายการ Live Letter แล้วว่า เขาจะไม่ยอมประนีประนอมคุณภาพเด็ดขาด ทุกอย่างต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดแม้จะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นก็ตาม ซึ่งในตลอดเจ็ดปี มันก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า ทีมสร้างนั้น ‘เอาจริง’ และทุ่มใส่เต็มเม็ดแบบไม่มีอะไรจะเสีย (และดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยๆ…) และแน่นอน ด้วยระบบการจ่ายเงินเช่นนี้ ทำให้ FFXIV ไม่มีอาการแบบ ‘Pay to Win’ หรือเทพทรูใดๆ ทั้งสิ้น



มาถึงจุดนี้ ถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ รู้สึกว่าการจ่าย ‘รายเดือน’ นั้นเป็นสิ่งที่ผลักไสไม่ให้เข้ามาสัมผัสตัวเกม และรู้สึกว่า ไปหาเกมที่เล่นได้ฟรีมาเล่นไม่ดีกว่าหรือ ก็ขอบอกว่า ...
-ตอนนี้ Free-Trial ได้ถึง Level 60 และเนื้อหาของ Expansion แรกอย่าง Heavensward

ตั้งแต่แพทช์ 5.3 ‘Reflections in Crystal’ นั้น ทางทีมพัฒนาเปิดกว้างและให้พื้นที่สำหรับคนที่อยากลองเล่นได้เข้ามาสัมผัสได้นานขึ้น เพราะตอนนี้ ตัวเกมหลักและ Expansion ตัวแรกอย่าง Heavensward สามารถเล่นได้ ‘ฟรี’ จนถึงเลเวล 60 ซึ่งพี่ๆ เพื่อนๆ สามารถไปหาโหลดลงทะเบียนได้ที่ https://freetrial.finalfantasyxiv.com/gb/ หรือบนระบบ Playstaion 4 ได้ที่ Store ของโซนอเมริกาและยุโรป ภายใต้เงื่อนไขสามประการ คือ…

-ตัวละคร Free-Trial จะมีเงินติดตัวได้สูงสุด 300,000 Gil และใช้ Marketboard ซื้อขายไม่ได้ (ป้องกันการถล่มตลาด)

-ตัวละคร Free-Trial ไม่สามารถ Add เพื่อนได้ด้วยตนเอง (แต่ให้ฝั่งผู้เล่น Add และชวนเข้าปาร์ตี้ได้)

-ตัวละคร Free-Trial จะไม่สามารถรับ Tomestone (หน่วยเงินหลัง End-Game) ใดๆ ได้

ก็เป็นที่เข้าใจกันได้ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว อิสระทั้งหมด คุณจะเล่นเป็นเผ่าไหน อาชีพไหน ไม่มีจำกัด ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับคนที่อยากลองสัมผัส แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเล่นได้นานแค่ไหน และถ้าเล่นตัว Free-Trial แล้วติดใจ คุณสามารถซื้อตัวเกมมาเปลี่ยนสถานะเป็น Full Subscription เล่นต่อได้ทันทีโดยไม่เสีย Progress เดิมที่ทำไว้ นับว่า SQEN ใจกว้างในการนี้พอสมควรทีเดียว



Final Fantasy XIV ก้าวข้ามผ่านปีที่ 7 เข้าสู่ปีที่ 8 อย่างท้าทาย จากวันที่มันเป็นเพียง ‘ซากแห่งความอัปยศ’ ของ SQEN ทีมงานของ Naoki Yoshida กอบกู้มันจากเถ้าถ่าน สรรสร้างอย่างประณีต และใส่หัวใจให้เต็มร้อยกับผลงานชิ้นนี้ และผู้เขียนก็เชื่อว่า มันจะเป็นหนึ่งในการผจญภัยที่ยาวนานและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับปณิธานของ Yoshida ที่กล่าวว่า เขาอยากทำเกมนี้ต่อไปอีกระดับสิบปี จนกว่าชีวิตจะหาไม่…

 
และโลกแฟนตาซีอันรุ่มรวย สนุกสนาน และหลากหลายนี้ กำลังรอให้คุณไปสัมผัสอยู่ ไม่มีจังหวะไหนที่ดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้วล่ะครับ!’


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
โลกแฟนตาซีที่รอคุณอยู่! : 10 เหตุผลที่คุณควรเล่น Final Fantasy XIV Online ในเวลานี้!
01/09/2020

หมายเหตุ : ผู้เขียน เขียนบทความนี้จากประสบการณ์การเล่น Final Fantasy XIV Online นับตั้งแต่ Open Beta ของ A Realm Reborn จนถึง Expansion ล่าสุด Shadowbringers เป็นเวลาเจ็ดปีเต็ม

หมายเหตุ 2 : ในบทความนี้ ถ้ามีจุดที่ตกหล่น หรืออยากจะท้วงติง ถกเพื่อสนทนา ผู้เขียนมีความยินดีอย่างยิ่ง และพร้อมต้อนรับทุกคนที่สนใจ สู่โลกแห่ง Eorzea ด้วยความเต็มใจครับ

ในแวดวงวิดีโอเกมยุคโมเดิร์นนั้น อาจจะกล่าวได้ว่า เกมแนว Massive Multiplayer Open-World RPG หรือ ‘MMORPG’ นั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและมีประวัติศาสตร์ที่มีสีสันที่สุดประเภทหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันต้องใช้ทั้งกำลังแรงงานผู้สร้าง ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดที่จะดึงดูดผู้เล่นให้อยู่ติดและยอม ‘จ่ายเงิน’ รายเดือนเพื่อเล่นมันต่อไป เช่นเดียวกับที่ Final Fantasy XIV เป็น และมันเป็นยิ่งกว่าประวัติศาสตร์ เพราะมันผ่านจุดที่ตกต่ำที่สุด ไม่ใช่แค่ในฐานะตัวเกม แต่ในฐานะแฟรนไชส์ของ Final Fantasy เลยด้วยซ้ำ



Final Fantasy XIV เปิดตัวเวอร์ชัน ‘1.0’ ในปี 2010 พร้อมเสียงตอบรับในทางลบอย่างมหาศาล ทั้งการเล่นที่ยากลำบาก เนื้อหาที่ไม่น่าสนใจ และระบบที่ไม่เป็นมิตรกับผู้เล่นเป็นอย่างมาก เสียงทางลบนั้นมากเสียจน Yoichi Wada ประธานบริษัท Square-Enix ในเวลานั้น ต้องออกตั้งโต๊ะแถลงการณ์ขออภัยต่อผู้เล่น และปลด Hiromichi Tanaka โปรดิวเซอร์คนเก่าออก ก่อนที่จะโยกย้าย Naoki Yoshida ที่ในเวลานั้น กำลังง่วนอยู่กับโปรเจ็กต์ Dragon Quest X ให้มาทำหน้าที่ ‘กอบกู้ซาก’ ของ FFXIV ให้กลายเป็น ‘เกมใหม่’ ที่จะเรียกศรัทธาผู้เล่นกลับมาอีกครั้ง (พวกเขาถึงกับทำเหตุการณ์ ‘ระเบิดเซิร์ฟเวอร์’ อย่างยิ่งใหญ่อลังการ จนกลายเป็นเทศกาลประจำปีทุกวันที่ 27 สิงหาคมกันเลยทีเดียว)

[caption id="attachment_66005" align="alignnone" width="1024"] เหตุการณ์ The Calamity ที่ Bahamut หลุดจากการจองจำบนดวงจันทร์ Dalamud และเกือบทำลายทั้ง Eorzea ให้เป็นจุลด้วย Teraflare วันระเบิดเซิร์ฟเวอร์ เกมเวอร์ชัน 1.0 ที่อลังการงานสร้างอย่างมาก[/caption]

FFXIV กลับมาอีกครั้งในปี 2013 ภายใต้ชื่อ ‘A Realm Reborn’ และที่เหลือคงไม่ต้องสาธยายกันให้มากความ มันค่อยๆ ไต่บันไดความสำเร็จและความยอดเยี่ยมไปทีละขั้น ด้วยการเล่นที่ดีขึ้น กราฟิกที่สวยงามขึ้น และเนื้อหาที่น่าติดตามมากขึ้น จนมาถึงวันนี้ กับ Expansion ตัวที่สามอย่าง Shadowbringers ที่เลยล่วงมาถึงแพทช์ 5.3 ‘Reflections in Crystal’ ที่เหล่าผู้เล่นถึงกับยกให้มันคือ ‘จุดสูงสุด’ ของ FFXIV ในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมา



ที่เกริ่นมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงการแนะนำในเบื้องต้น และสำหรับผู้เขียนที่เล่นและติดตาม FFXIV มาในตลอดเจ็ดปี ก็ต้องขอบอกว่า ไม่มีช่วงไหนจะเหมาะสมที่จะเข้าสัมผัสความสนุกของ MMORPG อย่าง FFXIV เท่ากับเวลานี้อีกแล้ว ด้วย 10 เหตุผล ที่ยังคงแจ่มชัด และน่าจะทำให้พี่ๆ เพื่อนๆ ผู้อ่านสนใจกันอยู่ไม่น้อย และถ้าบทความชิ้นนี้ ทำให้ใครติดใจ และผูกใจกับโลกแห่ง Eorzea ได้บ้างแล้วล่ะก็ ผู้เขียนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

-กราฟิกสวยงาม และใช้สเปคเครื่องที่ไม่สูงนัก

ข้อดีประการแรกของ FFXIV ในตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมานั้น คงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า มันเป็นเกม MMORPG ที่กินทรัพยากรของ PC ค่อนข้างน้อยมาก ภายใต้งานออกแบบศิลป์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีความโดดเด่นชัดเจน และแม้ว่าในปัจจุบัน ทีมพัฒนาจะทำการอัพเกรดเอนจิ้นของตัวเกมให้รองรับสำหรับ DirectX11 เท่านั้น แต่มันก็ยังถือว่าเป็นลิมิตที่ต่ำมากๆ สำหรับ PC สายเล่นเกมโดยทั่วไป (ที่การ์ดจอของใครหลายคนน่าจะรองรับไปถึง DirectX12 และระบบ Ray Tracing กันแล้ว…) มันรันได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงอนิเมชันตัวละครที่หลากหลาย ปรับแต่งตัวละครได้ตามแต่ใจต้องการ ในระดับที่ต่อให้คุณกดสุ่มสร้างตัวละคร มันก็ยังออกมาดูดี คงยากจะหาเกมไหนที่จะมีคุณสมบัติเทียบเคียง FFXIV ได้



แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เครื่อง PC ไม่แรงมากนัก และไม่คิดว่าจะสามารถรัน FFXIV ได้อย่างที่ควรจะเป็น ก็อยากจะบอกให้หายห่วง นั่นเพราะว่า…
-ระบบ Cross-Play ระหว่าง PC และ Playstation 4

Final Fantalsy XIV ยืนยันตัวตนในฐานะเกม MMORPG แบบ Cross-Play มาตั้งแต่แรกเริ่ม ที่ผู้เล่นบน PC และ Playstation 3 (หรือ Playstation 4 ในตอนนี้) สามารถเล่นร่วมเซิร์ฟเวอร์เดียวกันได้ และหนึ่ง ID ก็สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งสองแพลทฟอร์ม (แต่แน่นอน เนื้อหาเสริม Expansion ก็ยังเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะสามารถเล่นไปได้ถึงระดับไหน…) แน่นอนว่าการเป็นเกม Cross-Play นั้น ทาง SQEN ได้คิดเผื่อสำหรับการควบคุมด้วยจอยแพดเอาไว้เป็นอย่างดี และนี่เป็นหนึ่งในเกม MMORPG ที่ใช้จอยแพดเล่นได้ง่ายมากๆ เกมหนึ่งในตลาดปัจจุบัน หรือถ้าไม่ถนัดจริงๆ คุณจะเอาคีย์บอร์ดกับเมาส์มาเสียบ USB กับเครื่อง Playstation 4 ก็ได้ เพราะมันถูกกำหนดเอาไว้เป็น Native Support โดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรให้มากความ



เล่นร่วมกันได้ กินสเปคไม่สูง แต่อาชีพที่หลากหลายก็ชวนให้ลายตาอยู่ไม่น้อย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เย็นใจได้เลย เพราะ…
-หนึ่งตัวละคร เล่นได้ทุกอาชีพ

FFXIV นำเอาเสน่ห์แบบ Final Fantasy III และ Final Fantasy V เข้ามาผนวกไว้กับตัวเอง เพราะตัวละครของคุณหนึ่งตัว สามารถเป็นได้ ‘ทุกอาชีพ’ เท่าที่ใจอยากจะเป็น แค่เพียงเปิดเควสต์ เปลี่ยนอาวุธหลัก คุณก็สามารถสลับไปเล่นอาชีพอื่นๆ ได้ตามต้องการ วันนี้คุณอยากจะเล่นเป็น Black Mage จอมเวทย์ร่ายคาถา แต่ถ้าเบื่อๆ แล้วอยากไปชนกับศัตรูซึ่งๆ หน้า เปลี่ยนอาวุธมาเป็นขวานแล้วสลับเป็น Warrior ก็ย่อมได้ ในที่นี้ รวมถึงอาชีพสายขุดหาของและสายคราฟท์ ซึ่งอยู่ในกฏเกณฑ์เดียวกัน ทำให้คุณไม่ต้องสร้างตัวละครเป็นสิบๆ เพื่อรองรับกับอาชีพที่แตกต่าง ขอเพียงยังมีช่องว่างใน Armory Slot สำหรับอาวุธ ทุกอาชีพที่คุณปลดล็อคไว้แล้วก็พร้อมจะให้คุณเลือกเล่น แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาในการ Leveling ปลดล็อคความสามารถต่างๆ ตามระยะเวลา แต่ร้านค้า Mogstation ก็มีไอเทมพิเศษแบบจ่ายเงินจริง ให้คุณ skip เลเวลได้ตัวละครพร้อมใช้ในทันที



แต่ผู้เขียนก็ไม่ขอแนะนำในหนทางนี้ เพราะ….
-เนื้อเรื่องสุดเข้มข้น ขับเคลื่อนทุกส่วนของตัวเกม

Final Fantasy XIV คือเกมที่เป็น Story-Centric โดยแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาหลัก Main Scenario ที่เข้มข้นในตลอดสาม Expansions ก็ดี (สงครามมังกรพันปี Dragonsong War ใน Heavensward, ภารกิจกอบกู้ Ala Mhigo จากจักรวรรดิใน Stormblood และการช่วยเหลือโลกต่างมิติใน Shadowbringers...) หรือแม้แต่เนื้อเรื่องของอาชีพต่างๆ ที่มีหลากหลายครบรส ทั้งดราม่า ตลกโปกฮา ซาบซึ้งใจ และน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพสายขุดสายคราฟท์ ที่มีเนื้อเรื่องเฉพาะเป็นของตัวเอง



อันที่จริง คุณอาจจะไม่ต้องสนใจเนื้อหาและกด Skip ข้ามไปเลยก็ได้ แต่ขอบอกว่า คุณจะพลาดอรรถรสของตัวเกมไปเกือบครึ่ง ที่ทีมสร้างได้รจนาเรื่องราวไว้ได้อย่างจับใจ โดยเฉพาะกับภาค Shadowbringers ที่ Natsuko Ishikawa มือเขียนบทระดับต้นๆ ของทีม (ผู้เขียนบทอาชีพ Dark Knight อันลือชื่อ) สร้างสรรค์เรื่องราวได้อย่างอลังการ จนผู้เล่นต่างยกย่องให้แพทช์ 5.3 ว่าเป็น ‘จุดสูงสุด’ ของ FFXIV กันเลยทีเดียว (อ้อ แล้วในแพทช์ 5.3 ทีมพัฒนาทำการ ตัดทอน ภารกิจส่วนเกินที่ไม่จำเป็นในช่วง A Realm Reborn ไปเกือบ 30% ทำให้ pace การเล่นเร็วขึ้น สะดวกสบายแก่คนเล่นมากขึ้นด้วย นับเป็นนิมิตหมายที่ดีครับ~)



แต่ลางเนื้อชอบลางยา ถ้าเนื้อหาไม่ใช่สิ่งที่คุณสนใจมากมายนักแล้วนั้น….
-เกมมีเมคานิคสุดท้าทาย รองรับกับผู้เล่นทุกระดับ

เหตุผลที่ผู้เขียนไม่แนะนำให้คุณทำการ Skip เลเวล และให้เรียนรู้จากเบื้องต้น เพราะ FFXIV ยังเป็น MMORPG ที่ยังยึดกฎ ‘Holy Trinity’ สามโรลหลัก Tank, Healer, DPS และทุกการปะทะ ไม่ว่าจะดันเจี้ยนธรรมดา ไปจนถึง Savage Raid ระดับสุดโหด คุณต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง รู้ว่าอาชีพของตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง และจับมันให้อยู่มือ นี่ไม่ใช่เกมเดินทอดน่องเก็บเลเวลดาดๆ แต่เป็นเกมที่ทุกคนต้องรู้หน้าที่ และหนุนเสริมส่งซึ่งกันและกัน มันมีตั้งแต่ระดับง่ายๆ ผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น จนถึงระดับซูเปอร์ Ultimate Raid ที่ท้าทายเหล่ายอดมนุษย์ทีม Raider มือฉมัง (พร้อมของรางวัลเป็นอาวุธเอาไว้ใส่เดินขิง…) เรียกว่าคุณจะไม่ได้อยู่เฉยๆ แน่ๆ ถ้าเดินตามเนื้อหาที่วางเอาไว้ คุณจะได้พบกับทุกการปะทะอย่างแน่นอน



แล้วสำหรับผู้เล่นสาย  Casual ล่ะ? คนที่อยากจะเอกเขนกเล่นเกมดูบรรยากาศอย่างสบายใจ หายห่วง นั่นเพราะ…
-อีเวนท์ประจำปีไม่มีขาด

ถ้าไม่นับ World of Warcraft ที่มีอีเวนท์ประจำปีระดับแน่นอนชนิดแปะเป็น In-Game Calendar แล้วนั้น FFXIV ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่มากหลายด้วยอีเวนท์สนุกๆ ประจำปีให้ได้ร่วมสนุกกัน ไม่ว่าจะเป็นอีเวนท์ข้ามปี อีเวนท์หน้าร้อนชายทะเล อีเวนท์วันเด็กหญิงของญี่ปุ่น อีเวนท์ระลึกวัน ‘ระเบิดเซิร์ฟเวอร์’ อีเวนท์วันฮัลโลวีน จนถึงอีเวนท์วันวาเลนไทน์ มันอาจจะเป็นเพียงส่วนประกอบง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่ก็เช่นเดียวกับทุกส่วนของตัวเกม ทุกอีเวนท์ผ่านการเขียนบทและรจนามาได้อย่างพอเหมาะ เล่นได้สนุกและบันเทิงอยู่ไม่น้อย พร้อมของรางวัลตอบแทนอีกมากมาย (อ้อ ผู้เล่นสามารถซื้อแพ็คเกจ แต่งงาน ในเกมได้ด้วย ซึ่งจะได้ของแถมพิเศษอีกต่างหาก~)



แล้วนอกเหนือจากอีเวนท์ประจำปี มันมีอะไรที่เกี่ยวโยงกับ Final Fantasy ภาคก่อนๆ หรือเปล่า? เชื่อว่านี่เป็นคำถามที่น่าจะเกิดขึ้น และในความเป็นจริงนั้น…
-References กับซีรีส์ Final Fantasy (และซีรีส์เกมอื่น) ใส่มาจนล้นไม่มีขาดตก

ด้วยการยืนอายุของซีรีส์ Final Fantasy มากว่าสามทศวรรษ ทำให้ทีมงานสร้างของ XIV มีวัตถุดิบที่จะสามารถจะหยิบจับมาใช้ได้อย่างอยู่มือ ผู้เล่นจะได้พบกับตัวละครที่คุ้นเคย เหตุการณ์ที่คุ้นเคย จนถึง Dungeon และบอสที่คุ้นเคยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Raid แบบ 24 คนไต่ Crystal Tower จากภาคสาม, การใส่ดันเจี้ยนที่พ้องเนื้อหาไปกับโลก Ivalice ของ Final Fantasy Tactics และ Final Fantasy XII หรือการ Collaboration ล่าสุดกับ Yoko Taro กับซีรีส์ Nier : Automata ที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นภายใต้ชื่อ YoRHa: Dark Apocalypse เรียกว่าคนที่ติดตามซีรีส์ Final Fantasy มาโดยตลอด จะต้องมีจุดที่ต้องโดนใจเข้าสักที่สองที่อย่างแน่นอน



แต่เนื้อหาและการ Collaborate ที่มากมายอาจจะไม่เพียงพอ เพราะการสร้างเกมนั้น ‘ดนตรี’ ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญ นั่นทำให้…
-ดนตรีในเกมนี้คืออลังการศิลป์อย่างแท้จริง

จุดเด่นหนึ่งของ FFXIV ที่มีมาในตลอดทุก Expansions นั้น คือดนตรีประกอบ ที่ได้ทั้ง Nobuo Uematsu ปรมาจารย์รุ่นเก๋าแห่ง SQEN มาร่วมช่วยสร้าง ประกอบกับฝีมือของ Masayoshi Soken โปรดิวเซอร์เพลงหลักที่ทำดนตรีให้กับทุกการปะทะร่วมกับวง The Primals และเพลงเปิดอันยิ่งใหญ่ในเสียงร้องระดับสวรรค์สร้างของ Susan Calloway ชนิดที่ทุกเพลง สามารถรวมฮิตออกขายซื้อมาฟังได้แบบไม่เสียดายเงิน มันคือการกลั่นทุกประสบการณ์ทางดนตรีของทีมสร้างอย่างไม่มีกั๊กไม่มีเม้ม ที่พร้อมจะทำให้มันสุดยอดยิ่งๆ ขึ้นไป



แต่เกมที่หนักเนื้อหาและแน่นคอนเทนต์ขนาดนี้ เราจะไว้ใจได้แค่ไหนว่าพวกเขาจะนำเสนอออกมาได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย หายห่วงครับ นั่นเพราะ…
-คุณภาพคอนเทนต์เกมไม่เคยตก ด้วยระบบ Subscription-Based

FFXIV เป็นหนึ่งในไม่กี่เกม MMORPG ที่กล้ายืนหยัดด้วยระบบ ‘จ่ายรายเดือน’ แบบ Subscription-Based ซึ่งทีมสร้างก็ไม่ทำให้ผู้เล่นผิดหวัง เพราะพวกเขามีตารางที่ชัดเจนในการปล่อยคอนเทนต์ตอนใหม่ๆ และเพิ่ม Features ที่น่าสนใจชนิดที่ไม่มีขาด มีอะไรให้ทำทั้งสาย Casual และ Hardcore แน่นอนว่าในแพทช์ล่าสุด 5.3 อย่าง Reflections in Crystal มีอุปสรรคจากวิกฤติ COVID-19 ที่ทำให้พวกเขาต้องปล่อยมันออกมาช้ากว่ากำหนดถึงเดือนครึ่ง (และกระทบถึงแพทช์อื่นๆ และการเปิดตัว Expansion ใหม่…) เพราะต้องจัดระบบการทำงานเพื่อป้องกันสุขภาพของทีมงาน



แต่ Naoki Yoshida ก็ยืนยันผ่านรายการ Live Letter แล้วว่า เขาจะไม่ยอมประนีประนอมคุณภาพเด็ดขาด ทุกอย่างต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดแม้จะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นก็ตาม ซึ่งในตลอดเจ็ดปี มันก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า ทีมสร้างนั้น ‘เอาจริง’ และทุ่มใส่เต็มเม็ดแบบไม่มีอะไรจะเสีย (และดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยๆ…) และแน่นอน ด้วยระบบการจ่ายเงินเช่นนี้ ทำให้ FFXIV ไม่มีอาการแบบ ‘Pay to Win’ หรือเทพทรูใดๆ ทั้งสิ้น



มาถึงจุดนี้ ถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ รู้สึกว่าการจ่าย ‘รายเดือน’ นั้นเป็นสิ่งที่ผลักไสไม่ให้เข้ามาสัมผัสตัวเกม และรู้สึกว่า ไปหาเกมที่เล่นได้ฟรีมาเล่นไม่ดีกว่าหรือ ก็ขอบอกว่า ...
-ตอนนี้ Free-Trial ได้ถึง Level 60 และเนื้อหาของ Expansion แรกอย่าง Heavensward

ตั้งแต่แพทช์ 5.3 ‘Reflections in Crystal’ นั้น ทางทีมพัฒนาเปิดกว้างและให้พื้นที่สำหรับคนที่อยากลองเล่นได้เข้ามาสัมผัสได้นานขึ้น เพราะตอนนี้ ตัวเกมหลักและ Expansion ตัวแรกอย่าง Heavensward สามารถเล่นได้ ‘ฟรี’ จนถึงเลเวล 60 ซึ่งพี่ๆ เพื่อนๆ สามารถไปหาโหลดลงทะเบียนได้ที่ https://freetrial.finalfantasyxiv.com/gb/ หรือบนระบบ Playstaion 4 ได้ที่ Store ของโซนอเมริกาและยุโรป ภายใต้เงื่อนไขสามประการ คือ…

-ตัวละคร Free-Trial จะมีเงินติดตัวได้สูงสุด 300,000 Gil และใช้ Marketboard ซื้อขายไม่ได้ (ป้องกันการถล่มตลาด)

-ตัวละคร Free-Trial ไม่สามารถ Add เพื่อนได้ด้วยตนเอง (แต่ให้ฝั่งผู้เล่น Add และชวนเข้าปาร์ตี้ได้)

-ตัวละคร Free-Trial จะไม่สามารถรับ Tomestone (หน่วยเงินหลัง End-Game) ใดๆ ได้

ก็เป็นที่เข้าใจกันได้ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว อิสระทั้งหมด คุณจะเล่นเป็นเผ่าไหน อาชีพไหน ไม่มีจำกัด ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับคนที่อยากลองสัมผัส แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเล่นได้นานแค่ไหน และถ้าเล่นตัว Free-Trial แล้วติดใจ คุณสามารถซื้อตัวเกมมาเปลี่ยนสถานะเป็น Full Subscription เล่นต่อได้ทันทีโดยไม่เสีย Progress เดิมที่ทำไว้ นับว่า SQEN ใจกว้างในการนี้พอสมควรทีเดียว



Final Fantasy XIV ก้าวข้ามผ่านปีที่ 7 เข้าสู่ปีที่ 8 อย่างท้าทาย จากวันที่มันเป็นเพียง ‘ซากแห่งความอัปยศ’ ของ SQEN ทีมงานของ Naoki Yoshida กอบกู้มันจากเถ้าถ่าน สรรสร้างอย่างประณีต และใส่หัวใจให้เต็มร้อยกับผลงานชิ้นนี้ และผู้เขียนก็เชื่อว่า มันจะเป็นหนึ่งในการผจญภัยที่ยาวนานและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับปณิธานของ Yoshida ที่กล่าวว่า เขาอยากทำเกมนี้ต่อไปอีกระดับสิบปี จนกว่าชีวิตจะหาไม่…

 
และโลกแฟนตาซีอันรุ่มรวย สนุกสนาน และหลากหลายนี้ กำลังรอให้คุณไปสัมผัสอยู่ ไม่มีจังหวะไหนที่ดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้วล่ะครับ!’


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header