มีรายงานว่า หน่วยปราบปรามการก่อการร้ายถูกส่งไปที่บ้านของเด็กชาวมุสลิมวัย 4 ปี หลังจากที่เขาพูดกับเพื่อนว่า "พ่อของเขามีปืน และระเบิดอยู่หลังบ้าน" ซึ่งเป็นเหตุให้มีการเข้าใจผิดว่าบ้านของเด็กเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้าย แต่ภายหลังพบว่าเป็นความเข้าใจผิด เด็กคนดังกล่าวไม่ได้พูดถึงปืน กับวัตถุระเบิดจริงๆ แต่เขากำลังพูดถึงเกม Fortnite อยู่
แม่ของเด็กได้บอกว่า เธอรู้สึกโกรธมากที่มีตำรวจมาเคาะประตูบ้านเวลา 10.30 PM เนื่องจากได้รับรายงานเรื่องนี้ เนื่องจากลูกของเธออายุเพียงแค่ 4 ปี และสิ่งที่เขาพูดก็เกิดจากการที่ เขาเพิ่งนั่งดูญาติคนหนึ่งเล่นเกม Fortnite เมื่อคืนก่อนหน้านี้ พร้อมหลุดประโยคออกมาว่า "การเข้าใจผิดนี้จะไม่เกิดขึ้น หากลูกเธอเป็นคนผิวขาว หรือไม่ใช่ชาวมุสลิม
จากรายงานของ The Guardian ดูเหมือนว่าตำรวจที่ถูกส่งไปเองก็รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องไปเคาะประตูบ้านยามวิกาลเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ยังไงเขาก็ต้องทำตามหน้าที่ โดยอเมริกาถือเป็นประเทศที่เซนซิทีฟกับเรื่องการก่อการร้ายมากๆ ก็พอเข้าใจอยู่ที่ต้องมีการตรวจสอบแบบนี้ครับ
อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้คิดว่าคงไม่ใช่ความผิดของใคร แต่เกิดจากความหวาดระแวงของตัวบุคคลเองเท่านั้น และจุดนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเกม Fortnite ด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ไปละกันครับ!
Credit: PCGamer
มีรายงานว่า หน่วยปราบปรามการก่อการร้ายถูกส่งไปที่บ้านของเด็กชาวมุสลิมวัย 4 ปี หลังจากที่เขาพูดกับเพื่อนว่า "พ่อของเขามีปืน และระเบิดอยู่หลังบ้าน" ซึ่งเป็นเหตุให้มีการเข้าใจผิดว่าบ้านของเด็กเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้าย แต่ภายหลังพบว่าเป็นความเข้าใจผิด เด็กคนดังกล่าวไม่ได้พูดถึงปืน กับวัตถุระเบิดจริงๆ แต่เขากำลังพูดถึงเกม Fortnite อยู่
แม่ของเด็กได้บอกว่า เธอรู้สึกโกรธมากที่มีตำรวจมาเคาะประตูบ้านเวลา 10.30 PM เนื่องจากได้รับรายงานเรื่องนี้ เนื่องจากลูกของเธออายุเพียงแค่ 4 ปี และสิ่งที่เขาพูดก็เกิดจากการที่ เขาเพิ่งนั่งดูญาติคนหนึ่งเล่นเกม Fortnite เมื่อคืนก่อนหน้านี้ พร้อมหลุดประโยคออกมาว่า "การเข้าใจผิดนี้จะไม่เกิดขึ้น หากลูกเธอเป็นคนผิวขาว หรือไม่ใช่ชาวมุสลิม
จากรายงานของ The Guardian ดูเหมือนว่าตำรวจที่ถูกส่งไปเองก็รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องไปเคาะประตูบ้านยามวิกาลเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ยังไงเขาก็ต้องทำตามหน้าที่ โดยอเมริกาถือเป็นประเทศที่เซนซิทีฟกับเรื่องการก่อการร้ายมากๆ ก็พอเข้าใจอยู่ที่ต้องมีการตรวจสอบแบบนี้ครับ
อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้คิดว่าคงไม่ใช่ความผิดของใคร แต่เกิดจากความหวาดระแวงของตัวบุคคลเองเท่านั้น และจุดนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเกม Fortnite ด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ไปละกันครับ!
Credit: PCGamer