“Dark Souls” ชื่อนี้คงคุ้นหูใครหลายๆคนและแน่นอนว่าคนที่เคยเล่นเกมนี้จะต้องมีอาการหัวร้อนกันอย่างแน่นอน และอีกทั้งเนื้อเรื่องในเกมที่ชวนมึนงงชนิดที่ว่าต้องส่ายหัวกันเลยทีเดียว หากเราเล่นแบบเพลินๆเผลอแป๊บเดียวอาจจะจบเกมไปแล้วโดยที่พลาดเนื้อหาสำคัญๆก็เป็นได้ เพราะพวกรายละเอียดเหล่านี้ถูกผู้สร้างซ่อนอยู่ในตลอดการเดินทางของผู้เล่น วันนี้ผมจึงจะมาเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ที่จะช่วยปะติดปะต่อเรื่องราวของจักรวาล Dark Souls ให้กับผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ว่าแล้วเราก็มาลุยกับบทแรกกันเลยกับ! “การเริ่มต้นของปฐมเพลิงและมหาสงครามมังกร”
โลกของเหล่ามังกรและการมาถึงของไฟ
เมื่อโลกถือกำเนิดขึ้น ทั้งผืนดิน,ท้องฟ้า, แหล่งน้ำ ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาสีเทาไม่มีทั้งค่ำคืนไม่มีทั้งรุ่งสาง ยุคนี้ได้ถูกเรียกว่า Age of Grey และพื้นพิภพได้ถูกปกครองโดยเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลัง นั้นก็คือ Everlasting Dragon หรือเรียกง่ายๆว่า “มังกรนิรันดร”
( ภาพประกอบ : โลกของ Dark Soul ในยุคเริ่มต้น )
ร่างกายของพวกมันมีเกล็ดที่แข็งแกร่งและทนทานต่อการโจมตีอีกทั้งยังไม่มีอายุขัย,ไม่แก่ชราเป็นร่างกายที่คงกระพัน มังกรเหล่านี้อาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ที่ต่อมาถูกเรียกว่า Arch Tree ยอดของมันสูงทะยานขึ้นไปจนเกือบจะแตะกับก้อนเมฆ บนพื้นพิภพไม่มีสิ่งใดกล้าต่อกรกับบรรดามังกรเหล่านี้ แต่ใต้ดินลึกลงไปเบื้องล่างได้เกิดปรากฏบางอย่างที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดการ
( ภาพประกอบ : Everlasting Dragon หรือก็คือ “มังกรนิรันดร” )
First Flame กองเพลิงกองแรกบนโลกได้ลุกโชนขึ้น ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหนหรือเกิดขึ้นได้อย่างไร มันลุกโชนขึ้นมาท่ามกลางความมืดและความหนาวเหน็บ แสงสว่างและความอบอุ่นได้ไปกระตุนความสนใจบรรดาสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่อาศัยอยู่ใต้ดิน และมีสิ่งมีชีวิต 3 ตนได้ค้นพบ “Lord Soul” หรือจิตวิญญาณอันทรงพลังจากข้างในกองเพลิง พวกมันจึงยึดครอง Lord Soulแต่ละดวงไว้กับตนเองเพื่อให้ได้พลังที่ยิ่งใหญ่
( ภาพประกอบ : First Flame ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความมืด )
นามของตนแรกคือ “Gwyn เทพแห่งพระอาทิตย์” เป็นตัวแทนของแสง,และเป็นผู้นำของกองทัพ Silver Knight
( ภาพประกอบ : Gwyn และกองทัพ Silver Knight )
ตนต่อมาคือ “Nito จ้าวแห่งความตาย” มีรูปลักษณ์เป็นโครงกระดูกขนาดยักษ์และมีดาบคู่กายเล่มใหญ่เป็นอาวุธ
( ภาพประกอบ : Nito เทพเจ้าแห่งความตาย )
และตนสุดท้าย “แม่มดแห่ง Izalith” ผู้คิดค้นศาสตร์แห่งการใช้ไฟ และนางยังได้ถ่ายทอดความรู้นี้ไปยังบรรดาลูกสาวซึ่งถูกเรียกรวมกันว่า Daughters of Chaos โดยต่อมาเผ่าพันธุ์ของLordทั้งสามได้ถูกเรียกว่า Giant (ยักษา)
( ภาพประกอบ : แม่มดแห่ง Izalith )
แต่ถ้าหาก Lord Soul เกิดขึ้นจากแสงสว่างของ First Flame เงาของมันก็ย่อมให้กำเนิด Soul ได้เช่นกัน นั้นก็คือ “The Dark Soul” มันถูกค้นพบโดยสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำตัวเล็กๆตนหนึ่งแต่แทนที่เจ้าสิ่งมีชีวิตนี้จะเก็บเอา Dark Soul ไว้เพียงคนเดียวเหมือนกับบรรดา Lord ทั้งสามก่อนหน้านี้ มันกลับเลือกที่จะแยก Dark Soul ออกเป็นชิ้นๆนับไม่ถ้วนจากนั้นแจกจ่ายไปยังพวกพ้องสายพันธุ์เดียวกัน ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเหล่าบรรดามนุษย์ทั้งหลายบนโลกนั้นเอง
( ภาพประกอบ : Pygmy Lord คนแรก )
โดยผู้นำของมนุษย์กลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Pygmy Lord ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือตำแหน่งราชานั้นเอง ในตัวเกมไม่ได้บอกไว้ว่ามี Pygmy Lords กี่คนแต่อนุมานจากเนื้อเรื่องแล้วน่าจะมีเยอะมาก เพราะมันเป็นเหมือเชื้อสายกษัตริย์ที่มีการสืบราชวงศ์ต่อๆกันมา
มหาสงครามครองพิภพ
เมื่อถึงจุดที่อาณาจักรของ Gwyn นั้นเรืองอำนาจมากขึ้น Gwyn ได้นำกองทัพ Silver Knight ของตนเข้าทำสงครามกับเหล่ามังกรนิรันดร ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริงหรือบางทีมันอาจจะเป็นความทะเยอทะยานที่อยากพิชิตจุดสูงสุดของห่วงโซ่ก็ได้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักที่เทพแห่งดวงอาทิตย์และแสงสว่างอย่าง Gwyn ย่อมปรารถนาที่จะได้เห็นดวงตะวันบนพื้นพิภพลอยสุขสว่างแทนที่โลกอันเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาสีเทา ทางด้านของพวกมังกรนิรันดรผมอยากให้ผู้อ่านลองคิดดูว่าถ้าหากมีมดตัวเล็กๆกำลังกัดเราอยู่ ก็คงเดาไม่ยากเลยว่าเราจะทำอย่างไรกับมัน
ถึง Gwyn จะมีกองทัพ Silver Knight และขุนพลมือฉมังในสังกัดจำนวนมาก แต่เห็นทีสงครามใต้ผืนฟ้าสีเทาครั้งนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว ยิ่งนานวัน Gwyn ค่อยๆถูกเหล่ามังกรนิรันดรเข้าบดขยี้กองทัพจนและเริ่มสูญเสียมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เหล่าทวยเทพที่เป็นวงศาคณาญาติหรือเผ่าพันธุ์เดียวกันกับ Gwyn จ่างก็เริ่มล้มตายจากการต่อสู้
( ภาพประกอบ : เหล่าบรรดาขุนพลของ Gwyn ที่รบในสงครามมังกร )
บีบให้ Gwyn ต้องเริ่มมองหาหนทางใหม่เพื่อเอาชนะสงครามครั้งนี้...แม้หนทางนั้นจะต้องดำดิ่งสู่ความมืดก็ตาม เขาได้รวมมือกับ Nito และแม่มดแห่ง Izalith เพื่อที่จะเอาชนะในมหาสงคราม เอาจริงๆมันเหมือนตลกร้ายที่สิ่งมีชีวิตซึ่งเรียกตัวเองว่าเทพเจ้าต้องขอความร่วมมือกับตัวแทนแห่งความตายและแม่มดนอกรีต
แม้ตอนนี้ Gwyn จะได้พันธมิตรมาเพิ่มแต่เขาก็ยังคงแสวงหาความแข็งแกร่งที่มากกว่านี้ เขาต้องการกองกำลังที่จะมาเป็นหมากใต้บังคับบัญชาหรืออย่างน้อยก็สนับสนุนตัวเขาเพียงคนเดียว โดยทางออกก็คือกองกำลังนักรบของ Pygmy Lord นั้นเอง นักรบพวกนี้ในภายหลังจะถูกเรียกขานว่า Ringed Knight
( ภาพประกอบ : Ringed Knight และศาสตราวุธอันทรงพลัง )
ซึ่งเป็นนักรบที่มีฝีมือช่ำชองในการรบระยะประชิดอย่างมากจึงได้รับหน้าที่เป็นหน่วยประจัญบานกับมังกร สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรดาขุนพลของ Gwyn ในแนวหน้า ทำให้ Silver Knight ส่วนมากต้องแปรเปลี่ยนเป็นกองหนุนระยะไกล คอยยิงธนูขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อยิงมังกรให้ตกจากท้องฟ้าโดยเฉพาะ
( ภาพประกอบ : ภาพภายในเกมของ Dragonslayer Greatbow หรือธนูสังหารมังกร )
ความลับในความเก่งกาจดุจปีศาจของ Ringed Knight พวกนี้มาจากอาวุธและชุดเกราะที่ตีขึ้นจากใน The Abyss ซึ่งเป็นสถานที่ๆมีแต่ความมืดมิดไร้จุดจบ โดยชุดเกราะจะดึงเอาพลังจาก Dark Soul ในตัวของมนุษย์ออกมาเพิ่มพลังให้กับคนที่สวมใส่มันและที่สำคัญเลยก็คือคนพวกนี้เป็นอมตะ!
จากท่าทีเสียเปรียบตั้งแต่ต้นของGwyn ในสงครามมาตอนนี้เขาพอที่จะมีกำลังเพื่อเปลี่ยนทิศทางของสงครามได้บ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นสงครามกับเหล่ามังกรครั้งนี้เกือบจะต้องกินเวลาแสนนานไม่รู้จบเสียแล้ว หาก Gwyn ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ทรยศที่เป็นหนึ่งในบรรดามังกรนิรันดร นามของมังกรตัวนั้นคือ Seath มังกรผู้ไร้เกล็ด
( ภาพประกอบ : Seath มังกรผู้ไร้เกล็ด)
Seath เกิดมาในฐานะของมังกรนิรันดรสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดและอยู่บนจุดสูงสุดเหนือเผ่าพันธุ์อื่น แต่ตัว Seath นั้นแตกต่างจากเหล่าพี่น้องเพราะมีร่างกายที่พิกลพิการไม่มีขาและไร้ซึ่งเกล็ดทำให้มองเห็นเนื้อสีขาวที่บอบบาง และอีกสิ่งที่ไม่มีก็คือความคงกระพันที่เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของมังกรนิรันดร ปราศจากมันเขาก็ไม่ต่างอะไรจากเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ Seath ไม่ถูกยอมรับและถูกมองข้ามจากเหล่ามังกรนิรันดรด้วยกันเอง เป็นแค่ตัวภาระในสงครามที่ไม่สามารถออกรบได้ มันเป็นบาดแผลในใจผนวกกับความแค้นในโชคชะตาที่ต้องเกิดมาต้องพิกลพิการและถูกปฏิเสธจากเผ่าพันธุ์เดียวกันอย่างไร้เยื่อใย แต่ใช่ว่า Seath จะยอมรับต่อชะตากรรมเช่นนี้ เขาทดแทนร่างกายที่อ่อนแอด้วยความพยายามที่จะศึกษาและเรียนรู้ และแล้ว Seath สามารถสร้างศาสตร์แห่ง Sorcery หรือก็คือเวทย์มนต์ขึ้นมาได้
( ภาพประกอบ : พลัง Sorcery ในเกม Dark Souls )
ด้วยความแค้นที่ฝังลึก Seath ได้แปรพักตร์ไปเข้ากับ Gwyn และช่วยเหล่าเทพคิดค้นศาสตร์แห่ง Miracle ศาสตร์ที่ต้องอาศัยความศรัทธาเป็นพลังแห่งปาฏิหาริย์ Gwyn จึงสามารถสร้างสายฟ้าอันทรงพลังที่ทำลายเกล็ดอันแข็งแกร่งของเหล่ามังกรนิรันดรลงได้และแน่นอนว่า Gwyn ต้องติดอาวุธใหม่นี้ให้กับกองกำลัง Silver Knight ของเขาด้วยอย่างแน่นอน
( ภาพประกอบ : พลัง Miracle ที่ Gwyn ใช้สร้างสายฟ้าเพื่อสังหารมังกรนิรันดร)
เมื่อเกล็ดหลุดหายไปด้วยพลังแห่งสายฟ้า Nito จ้าวแห่งความตายก็รับไม้ต่อทันที เขาจัดการใช้พลังสร้างโรคร้ายเข้าสู่ร่างกายที่ไร้การป้องกันของพวกมังกรทำให้เจ็บปวดทรมานจนตาย เมื่อเหล่ามังกรเห็นว่าความคงกระพันของพวกตนถูกทำลายลงอย่างง่ายดายล้วนต่างก็หวาดกลัวแต่ก็ไม่มีที่ให้ถอยกลับไปตั้งหลักเสียแล้ว เพราะแม่มดแห่ง Izalith และลูกๆของนางได้ใช้พลังไฟเผาต้น Arch Tree ที่เป็นบ้านของเหล่ามังกรจนหมดสิ้น
( ภาพประกอบ : การต่อสู้ในสงครามมังกรของ Nito และแม่มดแห่ง Izalith )
ชั่วพริบมหาสงครามอันยาวนานก็ได้จบลง นับจากช่วงเวลานั้นเป็นต้นมาก็หมดสิ้นแล้วซึ่งเหล่ามังกร เมฆหมอกสีเทาที่เคยบดบังท้องฟ้าได้หายไปเผยให้เห็นรุ่งอรุณที่สดใส่บนฝากฟ้าและโลกก็ได้เข้าสู่ Age of Fire หรือยุคแห่งไฟ ยุคของ Gywn อย่างแท้จริง
( ภาพประกอบ : กองพะเนินศากศพของเหล่ามังกร )
จบลงไปแล้วกับ Lore บทที่หนึ่ง “การเริ่มต้นของปฐมเพลิงและมหาสงครามมังกร” ในเกม Dark Souls ที่ผมได้รวบรวมและปะติดปะต่อเรื่องราวที่มีอยู่อันน้อยนิดมาให้กับท่านผู้อ่านได้รับชม ผมยินดีมากถ้าหลายๆคนอยากแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับLoreที่แตกต่างออกไป เพราะตัวเกมเหมือนจะออกแบบให้เนื้อเรื่องมีความกำกวมอยู่ในตัว เช่น ตัวเกมอธิบาย 40% ที่เหลือต้องสังเกตเอาเอง จึงเป็นเรื่องดีที่เราจะได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกัน
ส่วนบทต่อไปนั้นเราจะไปดูเหตุการณ์หลังสงครามกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรดา Lord ทั้งสาม และการเผยโฉมศัตรูที่แท้จริงของ Gwyn…
บทความนี้เขียนโดย thong baithong