เกมในซีรีส์ Alien ภาคล่าสุดที่ผมเล่นเป็นเกมบน PC เมื่อหลายสิบปีก่อนนู่น สมัยที่ยังซื้อเกมเพราะดูแค่หน้าปกเฉยๆ ซึ่งความน่ากลัวของการได้เล่นเป็นทหารธรรมดาๆ ท่ามกลางเหล่าอสุรกายที่น่าเกรงขามทำให้ต้องเก็บเกมไว้นานเพราะไม่กล้าเล่นต่อ ส่วนความสะใจของการได้เล่นเป็นเอเลี่ยนนับตั้งแต่ตัวเล็กๆ หาอาหารกินจนกลายเป็นฝันร้ายแห่งอวกาศก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์เล่นเป็นตัวร้ายที่สะใจที่สุดครั้งหนึ่ง Alien: Blackout พาความน่ากลัวแบบนั้นกลับมา แต่กลับทิ้งอะไรหลายๆ อย่างที่หลายๆ คนน่าจะจินตนาการไว้เมื่อได้ยินคำว่าเกม Alien ไป จนทำให้นี่กลายเป็นเกมที่น่าผิดหวังอีกเกม
Alien: Blackout ให้ผู้เล่นรับบทเป็น Amanda Ripley ตัวเอกประจำซีรีส์ ซึ่งคุณจะได้ซุกตัวอยู่ในท่อหรือห้องแคบๆ ตลอดทั้งเกม ไม่ได้ออกไปพบปะพูดคุย สังหารเอเลี่ยน กับใครเลย
หน้าที่หลักของผู้เล่นคือการดูแผนที่ จากนั้นแนะนำลูกเรือผู้รอดชีวิต ผ่านแผนที่ ให้ไปยังจุดหมายที่กำหนด โดยคอยบอกเส้นทางที่ปลอดภัย และแจ้งให้ลูกเรือหลบ ซ่อนตัว รีบวิ่ง หรือเดินอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยระวังไม่ให้เจ้าเอเลี่ยนที่ไต่มาตามท่อสังหารเรา
[caption id="attachment_18111" align="alignnone" width="2248"] หน้าตาของห้องที่เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ ออกไปไหนไม่ได้[/caption]
การสำรวจตำแหน่งของเอลี่ยนทำได้ 3 วิธี อย่างแรกคือเปิดเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหว อย่างที่สองคือดูจากกล้องวงจรปิด และอย่างที่สามคือฟังเสียงเคลื่อนไหวของเอเลี่ยนที่กำลังวิ่งอยู่ในท่อ
วิธีป้องกันลูกเรือจากเอเลี่ยนคือบอกให้ซ่อนตัว แนะนำให้เดินไปทางอื่น หรือกดปิดประตูเพื่อกันเอเลี่ยนออกไป วิธีป้องกันตัวเองคือให้กดปิดประตูท่อเมื่อได้ยินเสียงเอเลี่ยนบุกเข้ามา
แต่ละด่านจะผ่านได้เมื่อลูกเรือทำตามภารกิจได้ครบ ส่วนการแพ้ของเกมจะเกิดขึ้นเมื่อลูกเรือโดนกินหมด หรือไม่ก็เราโดนเอเลี่ยนบุกเข้ามากิน ป้องกันไม่ทัน
[caption id="attachment_18112" align="alignnone" width="2248"] หน้าตาของแผนที่ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นหลักของเกม[/caption]
การต้องคอยสลับหน้าจอไปมาระหว่างแผนที่ กล้องวงจรปิด และภายในท่อ แรกๆ อาจจะดูวุ่นวายไปหน่อย แต่พอเราชินกับระบบแล้ว กลายเป็นว่านี่เป็นเกมที่สร้างความลุ้นระทึกได้ดีกว่าเกมฟอร์มยักษ์หลายๆ เกมด้วยซ้ำ แม้นี่จะไม่ใช่เกมที่ปล่อยให้เราสำรวจฉากได้อย่างอิสระ แต่ความน่ากลัวของเสียงเอเลี่ยนที่คืบคลานเข้ามา และความพลาดพลั้งที่บังคับให้เราต้องเริ่มด่านใหม่เมื่อตัวละครตายหรือลูกเรือตายหมด โดยไม่มีจุดเซฟระหว่างฉาก ทำให้นี่เป็นเกมบนมือถือที่น่ากลัวจริงๆ
[caption id="attachment_18114" align="alignnone" width="2248"] มุมมองจากกล้องวงจรปิด เห็นอะไรแวบๆ หรือเปล่า?[/caption]
ความดีของเกมจบอยู่เพียงเท่านั้น ด่านทั้งหมดของเกมที่รวมเวลาเล่นทั้งหมดไม่ถึง 1 ชั่วโมง เต็มไปด้วยความซ้ำซาก แม้แผนที่จะหน้าตาเปลี่ยนไปแต่เราก็ยังคงต้องจ้องแผนที่ไร้ชีวิตจากจอคอมพิวเตอร์แบบเดิมๆ แนะนำลูกเรือแบบเดิมๆ ป้องกันเอเลี่ยนแบบเดิมๆ แม้เกมจะสั้นมากแต่ด้วยความที่เกมมีความยากอยู่ในระดับหนึ่ง นั่นทำให้เราต้องเล่นด่านเดิมซ้ำๆ และการแพ้ในแต่ละครั้งก็ไม่ได้ทำให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดซักเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้พลาดจากฝีมือ แต่จากตำแหน่งของเอเลี่ยนที่เปลี่ยนไปในแต่ละรอบมากกว่า ชื่อ Blackout ของเกมที่หมายถึงการดับไฟ ซึ่งเป็นระบบหนึ่งของเกมที่บังคับเราต้องผ่านด่านให้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นไฟจะดับ เกมโอเวอร์ ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเท่าไหร่ เวลาในแต่ละด่านมีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ ความพ่ายแพ้เกิดจากการโดนเอเลี่ยนกินมากกว่า
การลงโทษผู้เล่นเมื่อเราทำพลาดด้วยการให้เริ่มด่านใหม่โดยไม่มีจุดเซฟแม้จะช่วยสร้างความน่ากลัวให้กับเกมเป็นอย่างดี แต่เมื่อเกิดขึ้นซ้ำๆ เกิดขึ้นโดยไม่สามารถบอกได้ว่ารอบหน้าจะเล่นดีขึ้นได้ยังไง เมื่อเกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกว่ารอบนี้ดวงไม่ดี แทนที่จะเป็นว่ารอบนี้เล่นไม่ดี ทำให้เกมกลายเป็นความน่าหงุดหงิดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเราต้องมาฟังบทสนทนาตอนเริ่มด่านซ้ำๆ โดยไม่สามารถกดข้ามได้
[caption id="attachment_18115" align="alignnone" width="2248"] Alien ในเกมดูน่าสะพรึงจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้สู้กับเข้าพวกนี้เลย[/caption]
จริงๆ แล้วนี่เป็นเกมที่สนุกทีเดียว เพราะระบบของเกมออกแบบมาได้ดี สร้างความน่ากลัว สร้างความลุ้นระทึกได้ แต่ด้วยปัญหาของเกมอย่างที่กล่าวไปทำให้ความประทับใจในเกมหายไปอย่างรวดเร็ว จนคิดว่าถ้า Alien: Blackout ไม่ใช่เกมเต็ม แต่เป็นเพียงฉากฉากหนึ่งในเกม Alien สักภาค เป็นมินิเกมให้เล่นในเกม Alien อีกที นี่น่าจะแก้ปัญหาเรื่องความซ้ำซากได้อย่างดี เพียงแต่ Alien: Blackout เป็นเกมตัวเต็มที่ผู้เล่นต้องเสียเงินซื้อ ความคาดหวังที่เกมน่าจะมีอะไรมากกว่านี้จึงมากตาม อย่างน้อยก็น่าจะให้มีโอกาสสู้กับเอเลี่ยนหรือเห็นฉากตายโหดๆ บ้าง
[penci_review id="18069"]
เกมในซีรีส์ Alien ภาคล่าสุดที่ผมเล่นเป็นเกมบน PC เมื่อหลายสิบปีก่อนนู่น สมัยที่ยังซื้อเกมเพราะดูแค่หน้าปกเฉยๆ ซึ่งความน่ากลัวของการได้เล่นเป็นทหารธรรมดาๆ ท่ามกลางเหล่าอสุรกายที่น่าเกรงขามทำให้ต้องเก็บเกมไว้นานเพราะไม่กล้าเล่นต่อ ส่วนความสะใจของการได้เล่นเป็นเอเลี่ยนนับตั้งแต่ตัวเล็กๆ หาอาหารกินจนกลายเป็นฝันร้ายแห่งอวกาศก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์เล่นเป็นตัวร้ายที่สะใจที่สุดครั้งหนึ่ง Alien: Blackout พาความน่ากลัวแบบนั้นกลับมา แต่กลับทิ้งอะไรหลายๆ อย่างที่หลายๆ คนน่าจะจินตนาการไว้เมื่อได้ยินคำว่าเกม Alien ไป จนทำให้นี่กลายเป็นเกมที่น่าผิดหวังอีกเกม
Alien: Blackout ให้ผู้เล่นรับบทเป็น Amanda Ripley ตัวเอกประจำซีรีส์ ซึ่งคุณจะได้ซุกตัวอยู่ในท่อหรือห้องแคบๆ ตลอดทั้งเกม ไม่ได้ออกไปพบปะพูดคุย สังหารเอเลี่ยน กับใครเลย
หน้าที่หลักของผู้เล่นคือการดูแผนที่ จากนั้นแนะนำลูกเรือผู้รอดชีวิต ผ่านแผนที่ ให้ไปยังจุดหมายที่กำหนด โดยคอยบอกเส้นทางที่ปลอดภัย และแจ้งให้ลูกเรือหลบ ซ่อนตัว รีบวิ่ง หรือเดินอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยระวังไม่ให้เจ้าเอเลี่ยนที่ไต่มาตามท่อสังหารเรา
[caption id="attachment_18111" align="alignnone" width="2248"] หน้าตาของห้องที่เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ ออกไปไหนไม่ได้[/caption]
การสำรวจตำแหน่งของเอลี่ยนทำได้ 3 วิธี อย่างแรกคือเปิดเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหว อย่างที่สองคือดูจากกล้องวงจรปิด และอย่างที่สามคือฟังเสียงเคลื่อนไหวของเอเลี่ยนที่กำลังวิ่งอยู่ในท่อ
วิธีป้องกันลูกเรือจากเอเลี่ยนคือบอกให้ซ่อนตัว แนะนำให้เดินไปทางอื่น หรือกดปิดประตูเพื่อกันเอเลี่ยนออกไป วิธีป้องกันตัวเองคือให้กดปิดประตูท่อเมื่อได้ยินเสียงเอเลี่ยนบุกเข้ามา
แต่ละด่านจะผ่านได้เมื่อลูกเรือทำตามภารกิจได้ครบ ส่วนการแพ้ของเกมจะเกิดขึ้นเมื่อลูกเรือโดนกินหมด หรือไม่ก็เราโดนเอเลี่ยนบุกเข้ามากิน ป้องกันไม่ทัน
[caption id="attachment_18112" align="alignnone" width="2248"] หน้าตาของแผนที่ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นหลักของเกม[/caption]
การต้องคอยสลับหน้าจอไปมาระหว่างแผนที่ กล้องวงจรปิด และภายในท่อ แรกๆ อาจจะดูวุ่นวายไปหน่อย แต่พอเราชินกับระบบแล้ว กลายเป็นว่านี่เป็นเกมที่สร้างความลุ้นระทึกได้ดีกว่าเกมฟอร์มยักษ์หลายๆ เกมด้วยซ้ำ แม้นี่จะไม่ใช่เกมที่ปล่อยให้เราสำรวจฉากได้อย่างอิสระ แต่ความน่ากลัวของเสียงเอเลี่ยนที่คืบคลานเข้ามา และความพลาดพลั้งที่บังคับให้เราต้องเริ่มด่านใหม่เมื่อตัวละครตายหรือลูกเรือตายหมด โดยไม่มีจุดเซฟระหว่างฉาก ทำให้นี่เป็นเกมบนมือถือที่น่ากลัวจริงๆ
[caption id="attachment_18114" align="alignnone" width="2248"] มุมมองจากกล้องวงจรปิด เห็นอะไรแวบๆ หรือเปล่า?[/caption]
ความดีของเกมจบอยู่เพียงเท่านั้น ด่านทั้งหมดของเกมที่รวมเวลาเล่นทั้งหมดไม่ถึง 1 ชั่วโมง เต็มไปด้วยความซ้ำซาก แม้แผนที่จะหน้าตาเปลี่ยนไปแต่เราก็ยังคงต้องจ้องแผนที่ไร้ชีวิตจากจอคอมพิวเตอร์แบบเดิมๆ แนะนำลูกเรือแบบเดิมๆ ป้องกันเอเลี่ยนแบบเดิมๆ แม้เกมจะสั้นมากแต่ด้วยความที่เกมมีความยากอยู่ในระดับหนึ่ง นั่นทำให้เราต้องเล่นด่านเดิมซ้ำๆ และการแพ้ในแต่ละครั้งก็ไม่ได้ทำให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดซักเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้พลาดจากฝีมือ แต่จากตำแหน่งของเอเลี่ยนที่เปลี่ยนไปในแต่ละรอบมากกว่า ชื่อ Blackout ของเกมที่หมายถึงการดับไฟ ซึ่งเป็นระบบหนึ่งของเกมที่บังคับเราต้องผ่านด่านให้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นไฟจะดับ เกมโอเวอร์ ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเท่าไหร่ เวลาในแต่ละด่านมีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ ความพ่ายแพ้เกิดจากการโดนเอเลี่ยนกินมากกว่า
การลงโทษผู้เล่นเมื่อเราทำพลาดด้วยการให้เริ่มด่านใหม่โดยไม่มีจุดเซฟแม้จะช่วยสร้างความน่ากลัวให้กับเกมเป็นอย่างดี แต่เมื่อเกิดขึ้นซ้ำๆ เกิดขึ้นโดยไม่สามารถบอกได้ว่ารอบหน้าจะเล่นดีขึ้นได้ยังไง เมื่อเกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกว่ารอบนี้ดวงไม่ดี แทนที่จะเป็นว่ารอบนี้เล่นไม่ดี ทำให้เกมกลายเป็นความน่าหงุดหงิดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเราต้องมาฟังบทสนทนาตอนเริ่มด่านซ้ำๆ โดยไม่สามารถกดข้ามได้
[caption id="attachment_18115" align="alignnone" width="2248"] Alien ในเกมดูน่าสะพรึงจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้สู้กับเข้าพวกนี้เลย[/caption]
จริงๆ แล้วนี่เป็นเกมที่สนุกทีเดียว เพราะระบบของเกมออกแบบมาได้ดี สร้างความน่ากลัว สร้างความลุ้นระทึกได้ แต่ด้วยปัญหาของเกมอย่างที่กล่าวไปทำให้ความประทับใจในเกมหายไปอย่างรวดเร็ว จนคิดว่าถ้า Alien: Blackout ไม่ใช่เกมเต็ม แต่เป็นเพียงฉากฉากหนึ่งในเกม Alien สักภาค เป็นมินิเกมให้เล่นในเกม Alien อีกที นี่น่าจะแก้ปัญหาเรื่องความซ้ำซากได้อย่างดี เพียงแต่ Alien: Blackout เป็นเกมตัวเต็มที่ผู้เล่นต้องเสียเงินซื้อ ความคาดหวังที่เกมน่าจะมีอะไรมากกว่านี้จึงมากตาม อย่างน้อยก็น่าจะให้มีโอกาสสู้กับเอเลี่ยนหรือเห็นฉากตายโหดๆ บ้าง
[penci_review id="18069"]