สวัสดีครับทุกท่านเรากลับมาเจอกันอีกแล้วใน Lore และตำนานภายในเกม Dark Souls บทที่ห้า ความเดิมในตอนที่แล้วผมได้เล่าถึงผลกระทบที่เกิดจากการที่ The First Flame ได้อ่อนกำลังลง อันเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายน้อยใหญ่ทั่วปฐพี ไม่ว่าจะเป็น Curse of Undead ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดศาสนาอย่าง Way of White ขึ้นมา, หรือการก่อกบฏที่เกือบจะทำให้ Gwyn ต้องสูญเสียอาญาจักรที่สุดรักสุดหวงของเขา
โดยในบทนี้ผมจะมาเล่าตำนานของวีรบุรุษผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อเข้าต่อสู้กับ The Abyss อันเป็นขุมพลังเเห่งความมืดไร้จุดจบ.... เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขอต้อนรับท่านผู้ชมเข้าสู่ Lore และตำนานภายในเกม Dark Souls บทที่ห้า “ อสูรทมิฬ กับอัศวินเขี้ยวหมาป่า ”
< ลิงค์บทความก่อนหน้า >
1. บทที่หนึ่ง
2. บทที่สอง
3. บทที่สาม
4. บทที่สี่
ย้อนกลับไปในยุคที่ The First Flame ยังคงร้อนแรงและส่องเเสงสว่างให้แก่โลกใบนี้ Gwyn ได้หวาดกลัว Dark Soul ที่อยู่ในตัวของมนุษย์ โดยเฉพาะบรรดา Pygmy Lords ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่านัก Gwyn จึงได้สร้างเมืองที่มีชื่อว่า Ringed City ขึ้นมาเพื่อจับตาดูพฤติกรรมของเหล่า Pygmy Lords อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังส่งกองทัพของเขามาคอยดูเเลเเละควบคุมเมืองเเห่งนี้อยู่เบื้องหลัง เเต่ไม้เด็ดจริงๆของ Gwyn ไม่ใช่เหล่ากองทัพทหารกล้าหรือกลอุบายสกปรกเเต่อย่าง เเต่หากเป็นบุตรีสุดรักสุดหวงของเขานามว่า Filianore เจ้าหญิงองค์สุดท้ายแห่งดินแดน Lordarn
( ภาพประกอบ : บรรยากาศของ Ringed City ภายในเกม )
เวทมนต์เเห่งเเสงคือพลังที่มีพลังเกี่ยวข้องกับกาลเวลา เเละยังสามารถหักเหวิถีของเเสงเพื่อสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่นเวทมนต์ที่ใช้เพื่อย้อนเวลาสิ่งของที่พุพังไปเเล้วให้ย้อนกลับมาเหมือนใหม่โดยที่ไม่ต้องซ่อมเเซ่ม( ดีจัง...) ซึ่งพลังเเห่งเเสงนี่เเหละคือสิ่งที่ Filianore เกิดมาพร้อมกับมัน เเต่ที่พิเศษยิ่งกว่าก็คือนางสามารถใช้พลังบิดเบือนมิติเเละเวลาให้เดินผ่านไปช้าหรือเร็วก็ได้ตามต้องการ ซึ่งนี่เป็นพลังที่แม้แต่น้องชายอย่าง Gwyndolin ผู้มากพรสวรรค์ก็ยังไม่อาจทำได้
( ภาพประกอบ : เวทมนต์ Repair หนึ่งในของดีเมือง Oolacile )
( ภาพประกอบ : Judicator มีพลังในการเรียกวิญาณของสมาชิก Spear of the Church มาเพื่อใช้ต่อสู้ได้ชั่วคราว )
( ภาพประกอบ : Ringed City ถูกออกเเบบมาให้สามารถเฝ้าดูพฤติกรรมของเหล่า Pygmy Lords ได้จากทุกมุมเมือง )
( ภาพประกอบ : ร่างกายของ Mad King ถูกตรึงเข้ากับอาวุธในขณะทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปเกิดใหม่ )
( ภาพประกอบ : Midir ต้องต่อสู้กับความมืดอยู่ตลอกเวลา จนได้รับฉายาว่า Darkeater หรือผู้ดื่มกินความมืด )
ความโกลาหลครั้งนี้ทำให้ Spear of the Church และ Way of White เลือกที่จะเปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนและเข้าควบคุมเมืองเเห่งนี้อย่างเบ็ดเสร็จ เเละจัดการวางกำลังล้อมเมืองเอาไว้ เเต่ดูเหมือนว่าจะมี Pygmy Lord นิรนามคนหนึ่งที่หลบหนีออกจากเมืองมาได้ ซึ่งเขาคิดว่ากุญแจสำคัญที่จะทำให้ชัยชนะในศึกครั้งนี้ก็คือจะต้องนำเอา The Abyss ไปเเพร่กระจายยังโลกภายนอก Pygmy นิรนามจึงได้แฝงตัวไปกับคณะเดินทางที่กำลังมุ่งหน้าไปยังนคร Oolacile
( ภาพประกอบ : หน้าตาอันหล่อเหลาของ Kaathe อสรพิษจอมเจ้าเล่ห์ )
( ภาพประกอบ : Dark Hand เป็นอาวุธเดียวในเกมที่ให้เราสามารถขโมย Humanity จากผู้เล่นคนอื่นได้ )
( ภาพประกอบ : วิวระยะไกลของลานประลองในเมือง Oolacile )
( ภาพประกอบ : Ciaran คือมือสังหารที่คอยทำงานสกปรกให้กับ Gwyn )
( ภาพประกอบ : Darkwraith คือนักรบที่ยอมรับพลังเเห่งความมืด )
( ภาพประกอบด้านซ้าย : Humanity บริสุทธิ์ที่มีความคิดเเละสติปัญญาเป็นของตนเอง )
( ภาพประกอบด้านขวา : ประชากรในเมือง Oolacile ที่กลายร่างเป็นปีศาจ )
ทว่าความน่ากลัวจริงๆเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เพราะ Pygmy นิรนามได้ฟื้นคืนชีพกลับมาด้วย...แต่ไม่ใช่ในฐานะของมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นในฐานะจ้าวเเห่งปีศาจผู้เป็นบิดาเเห่งความมืดมิด ผู้คนเรียกขานมันว่า Manus ปีศาจผู้จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขว้างหน้า เเม้เเต่เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ในป่าก็ยังโดนหางเลขไปด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้ทำให้ Kaathe ตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของพลัง The Abyss ที่บ้าคลั่ง เเละยังกังวลว่ามันอาจจะส่งผลกระทบไปยัง The Abyss ในเมือง New Londo ของเขา
( ภาพประกอบ : นคร Oolacile ที่ได้ถูก The Abyss กลืนกินไปเเล้ว )
( ภาพประกอบ : Artorias มีอาวุธคู่กายเป็นดาบเล่มใหญ่ที่มือซ้าย และมีโล่คอยป้องกันการโจมตีที่มือขวา )
( ภาพประกอบด้านซ้าย : หนึ่งในผู้ติดตามของ Artorias นามว่า Ingward )
( ภาพประกอบด้านขวา : สัตว์ป่าในบริเวณเมือง Oolacile ที่ถูกความมืดกลืนกิน )
( ภาพประกอบ : Hawkeye Gough นักล่ามังกรด้วยธนูที่เก่งที่สุดของ Gwyn เเละเขามีประสาทหูที่ดีสุดๆ )
( ภาพประกอบ : หิน Carving เป็นหินที่เมื่อเเตกออกจะส่งเสียงเป็นภาษาได้ เป็นของที่ผู้เล่น PVP ใช้เยาะเย้ยกัน )
( ภาพประกอบ : Kalameet เป็นหนึ่งในมังกรนิรันดรที่เคยเเอบซ่อนอยู่ใต้ดินใกล้เมือง Oolacile )
( ภาพประกอบ : Covenant of Artorias เป็นเเหวนที่ต่อมาจะกลายเป็นเครื่องรางที่บอกเล่าวีรกรรมของ Artorias )
( ภาพประกอบ : รูปร่างของ Manus, ชื่อนี้ยังมีความหมายว่า”มือ” อีกทั้งยังเป็นชื่อเรียกกฏหมายโรมันโบราณที่เกี่ยวข้องกับสามีเเละภรรยา )
กลับมายังสถานการณ์ของ Gwyn เขาได้ออกคำสั่งให้ถอยทัพกลับไปยังนคร Anor Londo พร้อมกับสร้างเรื่องว่าตนได้มีชัยเหนือเหล่าอสูรเเห่ง Izalith ทั้งที่จริงเขาทำได้เเค่ตรึงกำลังของเหล่าอสูรเเห่ง Izalith เอาไว้เท่านั้น ส่วนข่าวเรื่องที่ว่า Artorias สามารถทำลาย The Abyss ใน Oolacile ลงได้สำเร็จก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเขาที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนาน เเต่ก็ยังคงเหลือพวก Four Kings กับ Darkwraith ซึ่งยังลอยนวลอยู่ในเมือง New Londo โดยเรื่องนี้ได้ทำให้ Gwyn โกรธสุดๆเพราะว่าในอดีต Gwyn เคยเเบ่ง Soul ที่ทรงพลังของตนเองให้กับเหล่า Four Kings เพื่อเป็นสัญญาใจเเห่งความภักดี เเต่นี่พวกมันกลับมาหักหลังเขาเสียได้ Gwyn จึงได้รับสั่งให้ผู้ติดตามของ Artorias ที่อยู่ในเมือง New Londo ลักลอบเข้าไปปล่อยน้ำจากเขื่อนให้ไหลทะลักเข้าสู่เมือง New Londo ทำให้ทั้งเด็ก, ผู้หญิง, คนแก่ และอีกหลายพันชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับความมืดต้องจมน้ำเสียชีวิต ส่วนคนที่เหลือรอดเเละพยายามจะว่ายน้ำมายังริมฝั่งก็จะถูก Silver Knight สังหารไปเรื่อยๆ วนไปมาจนกว่าจะกลายเป็น Hollow และตายสนิท ( ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องมันก็ต้องมีการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นธรรมดา ) การสังเวยทั้งเมืองเพื่อยับยั้งความมืดในครั้งนี้ได้สร้างคำครหาให้กับเขาเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ Gwyn ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องหยุมหยิมอีกเเล้ว เขาไม่เลือกวิธีการอีกต่อ...ไม่ว่ามันจะโหดร้ายเพียงใดหรือจะทำให้ชื่อเสียงต้องเน่าเหม็นฉาวโฉ่แค่ไหน Gwyn จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อาณาจักร Lordran ของเขาคงอยู่ต่อไป แม้นั่นจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของตนเองก็ตาม…
( ภาพประกอบ : สภาพของเมือง New Londo หลังจากถูกน้ำท่วม )
( ภาพประกอบ : Hidetaka Miyazaki หัวเรือใหญ่ของ Fromsoftware ผู้ชอบสร้างเนื้อเรื่องที่มึนงงให้กับผู้เล่น )
( ภาพประกอบด้านซ้าย : Artorias จากเกม Dark Souls )
( ภาพประกอบด้านขวา : Berserker Armor จากการ์ตูน Berserk )
สวัสดีครับทุกท่านเรากลับมาเจอกันอีกแล้วใน Lore และตำนานภายในเกม Dark Souls บทที่ห้า ความเดิมในตอนที่แล้วผมได้เล่าถึงผลกระทบที่เกิดจากการที่ The First Flame ได้อ่อนกำลังลง อันเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายน้อยใหญ่ทั่วปฐพี ไม่ว่าจะเป็น Curse of Undead ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดศาสนาอย่าง Way of White ขึ้นมา, หรือการก่อกบฏที่เกือบจะทำให้ Gwyn ต้องสูญเสียอาญาจักรที่สุดรักสุดหวงของเขา
โดยในบทนี้ผมจะมาเล่าตำนานของวีรบุรุษผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อเข้าต่อสู้กับ The Abyss อันเป็นขุมพลังเเห่งความมืดไร้จุดจบ.... เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขอต้อนรับท่านผู้ชมเข้าสู่ Lore และตำนานภายในเกม Dark Souls บทที่ห้า “ อสูรทมิฬ กับอัศวินเขี้ยวหมาป่า ”
< ลิงค์บทความก่อนหน้า >
1. บทที่หนึ่ง
2. บทที่สอง
3. บทที่สาม
4. บทที่สี่
ย้อนกลับไปในยุคที่ The First Flame ยังคงร้อนแรงและส่องเเสงสว่างให้แก่โลกใบนี้ Gwyn ได้หวาดกลัว Dark Soul ที่อยู่ในตัวของมนุษย์ โดยเฉพาะบรรดา Pygmy Lords ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่านัก Gwyn จึงได้สร้างเมืองที่มีชื่อว่า Ringed City ขึ้นมาเพื่อจับตาดูพฤติกรรมของเหล่า Pygmy Lords อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังส่งกองทัพของเขามาคอยดูเเลเเละควบคุมเมืองเเห่งนี้อยู่เบื้องหลัง เเต่ไม้เด็ดจริงๆของ Gwyn ไม่ใช่เหล่ากองทัพทหารกล้าหรือกลอุบายสกปรกเเต่อย่าง เเต่หากเป็นบุตรีสุดรักสุดหวงของเขานามว่า Filianore เจ้าหญิงองค์สุดท้ายแห่งดินแดน Lordarn
( ภาพประกอบ : บรรยากาศของ Ringed City ภายในเกม )
เวทมนต์เเห่งเเสงคือพลังที่มีพลังเกี่ยวข้องกับกาลเวลา เเละยังสามารถหักเหวิถีของเเสงเพื่อสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่นเวทมนต์ที่ใช้เพื่อย้อนเวลาสิ่งของที่พุพังไปเเล้วให้ย้อนกลับมาเหมือนใหม่โดยที่ไม่ต้องซ่อมเเซ่ม( ดีจัง...) ซึ่งพลังเเห่งเเสงนี่เเหละคือสิ่งที่ Filianore เกิดมาพร้อมกับมัน เเต่ที่พิเศษยิ่งกว่าก็คือนางสามารถใช้พลังบิดเบือนมิติเเละเวลาให้เดินผ่านไปช้าหรือเร็วก็ได้ตามต้องการ ซึ่งนี่เป็นพลังที่แม้แต่น้องชายอย่าง Gwyndolin ผู้มากพรสวรรค์ก็ยังไม่อาจทำได้
( ภาพประกอบ : เวทมนต์ Repair หนึ่งในของดีเมือง Oolacile )
( ภาพประกอบ : Judicator มีพลังในการเรียกวิญาณของสมาชิก Spear of the Church มาเพื่อใช้ต่อสู้ได้ชั่วคราว )
( ภาพประกอบ : Ringed City ถูกออกเเบบมาให้สามารถเฝ้าดูพฤติกรรมของเหล่า Pygmy Lords ได้จากทุกมุมเมือง )
( ภาพประกอบ : ร่างกายของ Mad King ถูกตรึงเข้ากับอาวุธในขณะทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปเกิดใหม่ )
( ภาพประกอบ : Midir ต้องต่อสู้กับความมืดอยู่ตลอกเวลา จนได้รับฉายาว่า Darkeater หรือผู้ดื่มกินความมืด )
ความโกลาหลครั้งนี้ทำให้ Spear of the Church และ Way of White เลือกที่จะเปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนและเข้าควบคุมเมืองเเห่งนี้อย่างเบ็ดเสร็จ เเละจัดการวางกำลังล้อมเมืองเอาไว้ เเต่ดูเหมือนว่าจะมี Pygmy Lord นิรนามคนหนึ่งที่หลบหนีออกจากเมืองมาได้ ซึ่งเขาคิดว่ากุญแจสำคัญที่จะทำให้ชัยชนะในศึกครั้งนี้ก็คือจะต้องนำเอา The Abyss ไปเเพร่กระจายยังโลกภายนอก Pygmy นิรนามจึงได้แฝงตัวไปกับคณะเดินทางที่กำลังมุ่งหน้าไปยังนคร Oolacile
( ภาพประกอบ : หน้าตาอันหล่อเหลาของ Kaathe อสรพิษจอมเจ้าเล่ห์ )
( ภาพประกอบ : Dark Hand เป็นอาวุธเดียวในเกมที่ให้เราสามารถขโมย Humanity จากผู้เล่นคนอื่นได้ )
( ภาพประกอบ : วิวระยะไกลของลานประลองในเมือง Oolacile )
( ภาพประกอบ : Ciaran คือมือสังหารที่คอยทำงานสกปรกให้กับ Gwyn )
( ภาพประกอบ : Darkwraith คือนักรบที่ยอมรับพลังเเห่งความมืด )
( ภาพประกอบด้านซ้าย : Humanity บริสุทธิ์ที่มีความคิดเเละสติปัญญาเป็นของตนเอง )
( ภาพประกอบด้านขวา : ประชากรในเมือง Oolacile ที่กลายร่างเป็นปีศาจ )
ทว่าความน่ากลัวจริงๆเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เพราะ Pygmy นิรนามได้ฟื้นคืนชีพกลับมาด้วย...แต่ไม่ใช่ในฐานะของมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นในฐานะจ้าวเเห่งปีศาจผู้เป็นบิดาเเห่งความมืดมิด ผู้คนเรียกขานมันว่า Manus ปีศาจผู้จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขว้างหน้า เเม้เเต่เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ในป่าก็ยังโดนหางเลขไปด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้ทำให้ Kaathe ตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของพลัง The Abyss ที่บ้าคลั่ง เเละยังกังวลว่ามันอาจจะส่งผลกระทบไปยัง The Abyss ในเมือง New Londo ของเขา
( ภาพประกอบ : นคร Oolacile ที่ได้ถูก The Abyss กลืนกินไปเเล้ว )
( ภาพประกอบ : Artorias มีอาวุธคู่กายเป็นดาบเล่มใหญ่ที่มือซ้าย และมีโล่คอยป้องกันการโจมตีที่มือขวา )
( ภาพประกอบด้านซ้าย : หนึ่งในผู้ติดตามของ Artorias นามว่า Ingward )
( ภาพประกอบด้านขวา : สัตว์ป่าในบริเวณเมือง Oolacile ที่ถูกความมืดกลืนกิน )
( ภาพประกอบ : Hawkeye Gough นักล่ามังกรด้วยธนูที่เก่งที่สุดของ Gwyn เเละเขามีประสาทหูที่ดีสุดๆ )
( ภาพประกอบ : หิน Carving เป็นหินที่เมื่อเเตกออกจะส่งเสียงเป็นภาษาได้ เป็นของที่ผู้เล่น PVP ใช้เยาะเย้ยกัน )
( ภาพประกอบ : Kalameet เป็นหนึ่งในมังกรนิรันดรที่เคยเเอบซ่อนอยู่ใต้ดินใกล้เมือง Oolacile )
( ภาพประกอบ : Covenant of Artorias เป็นเเหวนที่ต่อมาจะกลายเป็นเครื่องรางที่บอกเล่าวีรกรรมของ Artorias )
( ภาพประกอบ : รูปร่างของ Manus, ชื่อนี้ยังมีความหมายว่า”มือ” อีกทั้งยังเป็นชื่อเรียกกฏหมายโรมันโบราณที่เกี่ยวข้องกับสามีเเละภรรยา )
กลับมายังสถานการณ์ของ Gwyn เขาได้ออกคำสั่งให้ถอยทัพกลับไปยังนคร Anor Londo พร้อมกับสร้างเรื่องว่าตนได้มีชัยเหนือเหล่าอสูรเเห่ง Izalith ทั้งที่จริงเขาทำได้เเค่ตรึงกำลังของเหล่าอสูรเเห่ง Izalith เอาไว้เท่านั้น ส่วนข่าวเรื่องที่ว่า Artorias สามารถทำลาย The Abyss ใน Oolacile ลงได้สำเร็จก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเขาที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนาน เเต่ก็ยังคงเหลือพวก Four Kings กับ Darkwraith ซึ่งยังลอยนวลอยู่ในเมือง New Londo โดยเรื่องนี้ได้ทำให้ Gwyn โกรธสุดๆเพราะว่าในอดีต Gwyn เคยเเบ่ง Soul ที่ทรงพลังของตนเองให้กับเหล่า Four Kings เพื่อเป็นสัญญาใจเเห่งความภักดี เเต่นี่พวกมันกลับมาหักหลังเขาเสียได้ Gwyn จึงได้รับสั่งให้ผู้ติดตามของ Artorias ที่อยู่ในเมือง New Londo ลักลอบเข้าไปปล่อยน้ำจากเขื่อนให้ไหลทะลักเข้าสู่เมือง New Londo ทำให้ทั้งเด็ก, ผู้หญิง, คนแก่ และอีกหลายพันชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับความมืดต้องจมน้ำเสียชีวิต ส่วนคนที่เหลือรอดเเละพยายามจะว่ายน้ำมายังริมฝั่งก็จะถูก Silver Knight สังหารไปเรื่อยๆ วนไปมาจนกว่าจะกลายเป็น Hollow และตายสนิท ( ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องมันก็ต้องมีการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นธรรมดา ) การสังเวยทั้งเมืองเพื่อยับยั้งความมืดในครั้งนี้ได้สร้างคำครหาให้กับเขาเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ Gwyn ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องหยุมหยิมอีกเเล้ว เขาไม่เลือกวิธีการอีกต่อ...ไม่ว่ามันจะโหดร้ายเพียงใดหรือจะทำให้ชื่อเสียงต้องเน่าเหม็นฉาวโฉ่แค่ไหน Gwyn จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อาณาจักร Lordran ของเขาคงอยู่ต่อไป แม้นั่นจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของตนเองก็ตาม…
( ภาพประกอบ : สภาพของเมือง New Londo หลังจากถูกน้ำท่วม )
( ภาพประกอบ : Hidetaka Miyazaki หัวเรือใหญ่ของ Fromsoftware ผู้ชอบสร้างเนื้อเรื่องที่มึนงงให้กับผู้เล่น )
( ภาพประกอบด้านซ้าย : Artorias จากเกม Dark Souls )
( ภาพประกอบด้านขวา : Berserker Armor จากการ์ตูน Berserk )