ถือเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่สังคมการทำงานของบริษัทต่าง ๆ จะมีความกดดันและความตึงเครียดอันไม่น่าอภิรมย์ ซึ่งในฝั่งของ Ubisoft ค่ายเกมที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากหลาย ๆ เกม รวมถึง Assassin's Creed ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวภาค Mirage, Project RED และ Jade เอง ก็ไม่รอดเช่นกัน
อิงจากข่าวเมื่อสองปีก่อนที่เรื่องสภาพการทำงานอันเลวร้ายแดงออกมาสู่สาธารณชน ทางบริษัทจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งปลดพนักงานที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จัดอบรมสร้างจิตสำนึก หรือแม้กระทั่งการนำเจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบุคคลและรองประธานฝ่ายความหลากหลายมาปรับปรุง
แต่แล้ว การปรับเปลี่ยนนี้มันก็ช่างเชื่องช้าเอามาก ๆ ที่จะพัฒนาบริษัทให้ดีกว่าเดิมด้วยการสนับสนุนพนักงานให้ต่อต้านกับวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นพิษดังกล่าว ดังนั้นทางผู้บริหารเองจึงต้องออกมาแถลงการณ์ความคืบหน้าแผนการปรับปรุงว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
' เป้าหมายของเราคือสร้างสภาพที่ทำงานซึ่งผลักดันและดึงศักยภาพผลงานออกมาให้ได้มากที่สุด ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เราจึงต้องการเผยคุณค่าของพนักงานที่ไม่เหมือนใครและนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้เมื่อจำเป็น ' - คุณ Yves Guillemot ประธานบริษัทกล่าว
' อย่างแรก เราต้องทำให้มั่นใจว่าที่ทำงานนี้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการเสียสละและให้เกียรติกันและกัน ใช่ พวกเราพลาด และเราก็รู้ตัวดี เราเรียนรู้จากเรื่องนั้นมาสักพักใหญ่ ก้าวหน้าอย่างมีคุณค่าด้วยแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมนำโดยหัวหน้าของเรา กับคุณ Anika Grant หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของเรา และคุณ Raashi Sika รองประธานฝ่ายความหลากหลายและการร่วมมือของเรา'
“แม้จะมีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั้งหมดของเราในช่วงการระบาดใหญ่ แต่เราก็จ้างคนมากกว่า 4,000 คนในปีที่แล้ว รวมถึงพนักงานกว่า 600 คนที่ได้รับการว่าจ้างใหม่อีกครั้ง ผนวกกับผู้มีความสามารถระดับสูงที่มาจากบริษัทชั้นนำอื่น ๆ อีกด้วย”
สุดท้าย ทางตัวประธานเองก็ยังได้ออกมาพูดถึงความคืบหน้าของโปรเจกต์ NFT ของ Ubisoft เองว่า ' เรากำลังทดสอบบางอย่างเล็กน้อยเพื่อข้อมูลที่จะสามารถใช้ในโลกของเกมได้ เราเลยทดสอบพื้นฐานในเกมที่... เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผู้เล่นต้องการ [และเมื่อไหร่ที่พวกเขาต้องการ] ก็จะขึ้นบนร้านค้าเอง แต่เรายังอยู่ในช่วงค้นคว้าอยู่ คงประมาณนี้ '
Credit - thegamer
ถือเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่สังคมการทำงานของบริษัทต่าง ๆ จะมีความกดดันและความตึงเครียดอันไม่น่าอภิรมย์ ซึ่งในฝั่งของ Ubisoft ค่ายเกมที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากหลาย ๆ เกม รวมถึง Assassin's Creed ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวภาค Mirage, Project RED และ Jade เอง ก็ไม่รอดเช่นกัน
อิงจากข่าวเมื่อสองปีก่อนที่เรื่องสภาพการทำงานอันเลวร้ายแดงออกมาสู่สาธารณชน ทางบริษัทจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งปลดพนักงานที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จัดอบรมสร้างจิตสำนึก หรือแม้กระทั่งการนำเจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบุคคลและรองประธานฝ่ายความหลากหลายมาปรับปรุง
แต่แล้ว การปรับเปลี่ยนนี้มันก็ช่างเชื่องช้าเอามาก ๆ ที่จะพัฒนาบริษัทให้ดีกว่าเดิมด้วยการสนับสนุนพนักงานให้ต่อต้านกับวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นพิษดังกล่าว ดังนั้นทางผู้บริหารเองจึงต้องออกมาแถลงการณ์ความคืบหน้าแผนการปรับปรุงว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
' เป้าหมายของเราคือสร้างสภาพที่ทำงานซึ่งผลักดันและดึงศักยภาพผลงานออกมาให้ได้มากที่สุด ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เราจึงต้องการเผยคุณค่าของพนักงานที่ไม่เหมือนใครและนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้เมื่อจำเป็น ' - คุณ Yves Guillemot ประธานบริษัทกล่าว
' อย่างแรก เราต้องทำให้มั่นใจว่าที่ทำงานนี้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการเสียสละและให้เกียรติกันและกัน ใช่ พวกเราพลาด และเราก็รู้ตัวดี เราเรียนรู้จากเรื่องนั้นมาสักพักใหญ่ ก้าวหน้าอย่างมีคุณค่าด้วยแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมนำโดยหัวหน้าของเรา กับคุณ Anika Grant หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของเรา และคุณ Raashi Sika รองประธานฝ่ายความหลากหลายและการร่วมมือของเรา'
“แม้จะมีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั้งหมดของเราในช่วงการระบาดใหญ่ แต่เราก็จ้างคนมากกว่า 4,000 คนในปีที่แล้ว รวมถึงพนักงานกว่า 600 คนที่ได้รับการว่าจ้างใหม่อีกครั้ง ผนวกกับผู้มีความสามารถระดับสูงที่มาจากบริษัทชั้นนำอื่น ๆ อีกด้วย”
สุดท้าย ทางตัวประธานเองก็ยังได้ออกมาพูดถึงความคืบหน้าของโปรเจกต์ NFT ของ Ubisoft เองว่า ' เรากำลังทดสอบบางอย่างเล็กน้อยเพื่อข้อมูลที่จะสามารถใช้ในโลกของเกมได้ เราเลยทดสอบพื้นฐานในเกมที่... เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผู้เล่นต้องการ [และเมื่อไหร่ที่พวกเขาต้องการ] ก็จะขึ้นบนร้านค้าเอง แต่เรายังอยู่ในช่วงค้นคว้าอยู่ คงประมาณนี้ '
Credit - thegamer