หลังจากเกมแนว Openworld ที่เป็นกระแสในขณะนี้อย่าง Genshin Impact กับความเกลือที่ทำให้หลายคนนั้นเสียสติกันไปหมดเลย ( ล้อเล่นนะ ) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกมนี้ของเขาดีจริงๆ ในหลายๆ ด้าน แล้วคนที่ไม่เคยเล่นหรือไม่เคยสัมผัสประสบการณ์เกมแนว Open world แบบนี้ก็อาจจะมีคำถามที่ว่าเกมแนวนี้จะเล่นสนุกจริงๆ หรือเปล่า
แต่ทว่าบทความนี้เราจะไม่ได้พูดถึงเกม Genshin Impact เสียทีเดียว เพราะเราจะมาเปิดใจกับคนที่ไม่เคยเล่นเกมแนว Openworld แล้วอยากลองสักครั้งกับ 5 ข้อความสนุกของเกมแนว Open world สำหรับคนที่ไม่เคยลองหรือกำลังลังเลอยู่ว่าจะดีหรือไม่ ก็ขอให้ทาง GameFever TH ใช้บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจแก่เหล่าผู้อ่านกัน

==================================================
เดินทางไปไหนก็ได้บนโลก Open World
หัวข้อนี้อาจจะฟังดูกว้างไปเสียหน่อย แต่จริงๆ มันก็ตรงประเด็นและค่อนข้างเจาะจงอย่างมาก เพราะคุณนั้นเป็นอิสระ คุณจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ได้ จะเดินตามเส้นทางของเกมหรือจะเดินเป็นเส้นตรงตามปรัชญาของ HeartRocker ก็ยังสามารถทำได้ คุณจะเดินทางเพื่อสำรวจตรวจตราได้ทุกซอกทุกมุมหรือจะเสพบรรยากาศภายในเกมชิวๆ ก็ย่อมได้ เสมือนคุณเป็นนักเดินทางที่ต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง หรืออยากจะทำอะไรส่วนไหนของแผนที่ก็ไม่มีใครว่า เว้นแต่มีอิเวนท์ที่ต้องทำเวลาล่ะนะ
แล้วบอกเลยว่าการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของโลกในเกมที่เป็น Open world จะไม่มีคำว่าสูญเปล่าอย่างแน่นอน บางครั้งการเดินทางไปยังมุมเงียบสงบ บรรยากาศสวยๆ เอนตัวลงนั่งหรือลงไปนอน มันก็ทำให้เรารู็สึกผ่อนคลายสบายใจสุดๆ ไปเลยล่ะ
ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านตัวเกม
เกมแนว Open world บางเกมก็ได้สร้างโดยมีแรงบัลดาลใจอิงประวัติศาสตร์ ยกตัวอย่างเกม Ghost of Tsushima ซึ่งหากพูดกันตรงๆ แล้ว ในเกมเป็นการดัดแปลงประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์มองโกลบุกเกาะ Tsushima ในช่วงศตวรรตที่ 13 หรือยุคคามางุระ แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้อิงจากประวัติศาสตร์ของจริง 100 เปอร์เซ็นต์หรอก แต่มันก็ช่วยกระตุ้นให้ผู้เล่นเกมได้ค้นหาความจริงว่า ในประวัติศาสตร์จริงๆ เป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างเลยเรื่องดาบ Katana ในสมัยยุคคามางุระบอกเลยว่าดาบชนิดนี้ยังไม่มีการถูกสร้างขึ้นเลยและซามูไรยุคนั้นยังใช้ดาบประเภท Kodachi ซึ่งมีความยาวกว่า แต่ในเกมเป็นช่วงมองโกลบุกเกาะพอดี กลับมีเสียอย่างนั้น แท้จริงแล้วดาบ Katana จริงๆ แล้วถูกสร้างหลังพวกมอลโกลบุกญี่ปุ่นครั้งแรกจบลง เพราะได้บทเรียนจากพวกมองโกลมา เลยจึงต้องการดาบที่สั้นกระทัดรัดกว่าสำหรับการสู้รบรับมือกับพวกมองโกลในภายภาคหน้า ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์จริงๆ ที่ในเกมมองข้ามไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าช่วยประตุ้นคนที่สนใจและต่อยอดหาความจริงจากมัน ทำให้ประวัติศาสตร์ไม่ถูกลืมเลือนจากคนรุ่นใหม่
การเปลี่ยนแปลงโดยรอบแบบ Real-Time ที่น่าตื่นเต้น
สำหรับเกมแนว Open world ในยุคใหม่ๆ เริ่มมีการใส่สิ่งที่เรียกว่า "การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมแบบ Real-Time" ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศที่ช่วงหนึ่งอากาศแจ่มใส่ จู่ๆ พายุทรายก็เข้ามา, มีภูเขาถล่มแบบไม่รู้ตัว, ปริศนาแอบซุกซอนไว้ตามสถานที่ลับ, เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันโผล่ตรงหน้า หรือแม้กระทั่งมีช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงแบบ Real-Time ที่จะเพิ่มความตื่นเต้นและรู้สึกไม่ซ้ำซาก
หากเป็นความคิดส่วนตัวแล้ว ระบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือความตื่นเต้นมาเต็ม ไม่รู้ว่าจู่ๆ เราจะเจอกับอะไร เรามีอุปกรณ์หรือวิธีการรับมือสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ จะได้รับมือได้ถูกต้อง แต่ข้อเสียคือมันจะดูค่อนข้างวุ่นวาย ลำบาก หรืออาจจะดูยากไปสำหรับสาย Casual ไปสักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าระบบนี้ดีจริงๆ ปรับตัวไม่อยากหรอก
ภารกิจจะจัดการแบบไหนก็ได้ ขอให้มันสำเร็จพอ
แน่นอนว่าหัวใจหลักของเกมแนว Open world ก็คือการรับภารกิจหรือการดำเนินเนื้อเรื่องของเกม ซึ่งหากเราจะเข้าไปทำหรือจัดการด้วยวิธีเดียวมันก็จะดูเป็นเส้นตรงไปหน่อย ทีมพัฒนาจึงมักให้ทางเลือกแก่ผู้เล่นในการจัดการภารกิจ หรือสามารถทำอย่างไรก็ได้ ไม่จำกัดวิธีขอให้ภารกิจลุล่วง
ยกตัวอย่างเช่นเกมในตำนานอย่าง Metal Gear Solid V ที่มอบอิสระในการทำภารกิจอย่างมาก จะลอบเร้นโดยไม่ฆ่าใคร, ลอบสังหารเป้าหมายจากระยะไกลโดยไม่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง, หรือจะบู๊ตรงๆ ก็ยังทำได้หากใจแน่พอ โดยใช้ระบบการเปลี่ยนแปลงแบบ Real-Time ที่เคยกล่าวไว้ข้างต้นให้เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่ที่สุดแล้วไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ขอให้ภารกิจสำเร็จอย่างไร้ที่ติเป็นอันใช้ได้ นับเป็นความท้าทายบนความอิสระที่อาจจะหาไม่ได้จากเกมแนวอื่นๆ
การเข้าใจเนื้อเรื่องผ่านผู้คน, สังคมและวัฒนธรรม
อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเกมแนว Open world นั้นก็คือการเล่าเนื้อเรื่องภายในตัวเกมซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากการเล่าเรื่องผ่านบุคคลหรือตัว NPC. จากแผ่นป้ายประกาศต่างๆ, จากสังคมผู้คนนั้นๆ, หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นภายในเมือง ทั้งหมดสามารถเล่าเนื้อเรื่องให้เราได้ซึมซับบรรยากาศ ได้เข้าใจผู้คนท้องถิ่นของเกมได้เป็นอย่างดี
ขอยกตัวอย่างเมือง Mondstadt ของเกม Genshin Impact ซึ่งเป็นเมืองแห่งสายลม เคยมีเทพเจ้าสาย Trap คนหนึ่งได้ดูแลสายลมของเมืองนี้ไว้ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Stormterror ซึ่งทั้งหมดจะค่อยๆ ถูกปะติดปะต่อจากการบอกเล่าของผู้คนและสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเจอจากเมืองนี้และพื้นที่ที่เกี่ยวข้องด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่ได้เปรียบและแสดงความน่าสนใจของเนื้อเรื่องไม่แพ้เกมแนวอื่นๆ เลย
==================================================
ทั้งหมดนี้คือ 5 ข้อของเกมแนว Open world ที่ใครยังไม่เคยเล่นเกมแนวนี้ได้พิจารณากันว่าน่าเล่นหรือไม่ แต่หากใครสนใจและไม่รู้ว่าจะเล่นเกมอะไรดี ก็ขอแนะนำเกมที่เป็นกระแสและเปิดให้เล่นฟรีในตอนนี้อย่าง Genshin Impact กันดู เพราะมันคือส่วนผสมที่ลงตัวของเกมแนว Open world แถมสามารถเล่นได้บนทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น PC, PlayStation 4 หรือแม้กระทั่งบนมือถือ หากได้เล่นสักครั้งแล้วคุณผู้อ่านจะหลงรักมันก็เป็นได้...
และสุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า...ตัวละครใน Genshin Impact น้อง Surcrose น่ารักที่สุดในสามโลกเลยจ้า!
Rosinir501
นักเขียน
ผู้หลงใหลหน้าตาปืน Heckler & Koch 416, คลั่งไคล้ในความสมบูรณ์แบบของ HK416, ผู้ที่หลงรัก HK416 เหมือนแฟนตัวเอง และเกมไหนที่มีปืน ก็ต้องเป็น HK416 is all I need. เท่านั้น