อย่างที่บางคนอาจจะทราบ เกม Diablo 4 จะเป็นเกมแรกในซีรีส์ที่ใช้ระบบ Open World แบบสมบูรณ์ที่ให้ผู้เล่นสามารถเดินทางไปทั่วโลกได้ โดยภายในงาน BlizzConline 2021 ทางผู้พัฒนาก็ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้เล่นจะสามารถพบได้ใน Open World ของเกมด้วย
อย่างแรกคือระบบ Mount ของเกมที่ให้ผู้เล่นสามารถขี่ม้าชนิดต่างๆ เพื่อเดินทางไปมาอย่างรวดเร็ว โดยผู้เล่นจะสามารถสวมใส่ชุดเกราะให้กับม้าของตัวเองได้ เพื่อตกแต่งให้ม้าแต่ละตัวมีสไตล์ที่ใกล้เคียงกับตัวละครของผู้เล่นเอง และสามารถใส่เครื่องประดับหลายชนิดที่ปลดล๊อคได้จากการทำภารกิจในเกม คล้ายๆ กับระบบ Trophy ที่พบได้ในเกม The Witcher 3 อีกด้วย ที่อาจจะน่าผิกหวังซักนิดคือเกมจะมีสัตว์ขี่เพียงชนิดเดียวคือม้า เพราะผู้พัฒนาต้องการจะรักษาความเป็นแฟนตาซีของโลก Diablo เอาไว้ จึงไม่อยากใส่สัตว์ขี่พิศดารๆ อย่างที่อาจจะพบได้ในเกม MMO อย่าง World of Warcraft นั่นเอง
นอกจากนี้ ผู้พัฒนายังพูดถึงระบบ PvP ของเกม ที่จะสามารถทำได้ในพื้นที่เฉพาะที่เรียกว่า “Fields of Hatred” นั่นเอง โดยภายในพื้นที่เหล่านี้ผู้เล่นจะสามารถพบกับศัตรูที่ยากกว่าในโลกปกติ และสามารถต่อสู้กับผู้เล่นอื่นที่เจอได้อย่างอิสระภายในพื้นที่ โดยเหตุผลที่ผู้พัฒนาเลือกจะจำกัดการ PvP ไว้ในพื้นที่เหล่านี้้ก็เพื่อให้ผู้เล่นที่ไม่ต้องการ PvP สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในขณะที่ผู้เล่นที่ชื่นชอบ PvP ก็จะสามารถต่อสู้กันได้อย่างเต็มที่ด้วย
ในทางตรงข้าม สำหรับคนที่อยากได้ประสบการณ์ PvE ที่เข้มข้น สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ที่เรียกว่า ‘Camps’ ในเกม ที่จะมีลักษณะเป็นฐานที่มั่นอย่างเมือง ป้อมปราการ หรืออาคารชนิดต่างๆ ที่ถูกปีศาจเข้าครอบงำหลังจากที่โลกของเกมล่มสลายไปตามเนื้อเรื่อง โดยภายใน Camps นอกจากจะเจอกับศัตรูระดับสูงแล้ว ผู้เล่นยังต้องแก้พัซเซิ่ลเฉพาะของแต่ละ Camps เพื่อกอบกู้ที่มั่นเหล่านี้คืน ซึ่งเมื่อแก้ได้แล้วก็จะสามารถเปลี่ยนฐานที่มั่นเหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่มี NPC ที่พร้อมช่วยเหลือเราในวิธีต่างๆ ทำให้ผู้ที่เลือกจะเคลียร์ Camps เหล่านี้ และทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือผู้เล่นคนอื่นได้ในวิธีอื่นนอกจากแค่ไอเทมสวมใส่หรือเลเวลของตัวละคร
แน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่ระบบทั้งหมดที่สามารถพบได้ในเกม Diablo 4 และผู้พัฒนาจะทำการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเกมเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันวางจำหน่ายของเกมในปี 2022
อย่างที่บางคนอาจจะทราบ เกม Diablo 4 จะเป็นเกมแรกในซีรีส์ที่ใช้ระบบ Open World แบบสมบูรณ์ที่ให้ผู้เล่นสามารถเดินทางไปทั่วโลกได้ โดยภายในงาน BlizzConline 2021 ทางผู้พัฒนาก็ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้เล่นจะสามารถพบได้ใน Open World ของเกมด้วย
อย่างแรกคือระบบ Mount ของเกมที่ให้ผู้เล่นสามารถขี่ม้าชนิดต่างๆ เพื่อเดินทางไปมาอย่างรวดเร็ว โดยผู้เล่นจะสามารถสวมใส่ชุดเกราะให้กับม้าของตัวเองได้ เพื่อตกแต่งให้ม้าแต่ละตัวมีสไตล์ที่ใกล้เคียงกับตัวละครของผู้เล่นเอง และสามารถใส่เครื่องประดับหลายชนิดที่ปลดล๊อคได้จากการทำภารกิจในเกม คล้ายๆ กับระบบ Trophy ที่พบได้ในเกม The Witcher 3 อีกด้วย ที่อาจจะน่าผิกหวังซักนิดคือเกมจะมีสัตว์ขี่เพียงชนิดเดียวคือม้า เพราะผู้พัฒนาต้องการจะรักษาความเป็นแฟนตาซีของโลก Diablo เอาไว้ จึงไม่อยากใส่สัตว์ขี่พิศดารๆ อย่างที่อาจจะพบได้ในเกม MMO อย่าง World of Warcraft นั่นเอง
นอกจากนี้ ผู้พัฒนายังพูดถึงระบบ PvP ของเกม ที่จะสามารถทำได้ในพื้นที่เฉพาะที่เรียกว่า “Fields of Hatred” นั่นเอง โดยภายในพื้นที่เหล่านี้ผู้เล่นจะสามารถพบกับศัตรูที่ยากกว่าในโลกปกติ และสามารถต่อสู้กับผู้เล่นอื่นที่เจอได้อย่างอิสระภายในพื้นที่ โดยเหตุผลที่ผู้พัฒนาเลือกจะจำกัดการ PvP ไว้ในพื้นที่เหล่านี้้ก็เพื่อให้ผู้เล่นที่ไม่ต้องการ PvP สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในขณะที่ผู้เล่นที่ชื่นชอบ PvP ก็จะสามารถต่อสู้กันได้อย่างเต็มที่ด้วย
ในทางตรงข้าม สำหรับคนที่อยากได้ประสบการณ์ PvE ที่เข้มข้น สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ที่เรียกว่า ‘Camps’ ในเกม ที่จะมีลักษณะเป็นฐานที่มั่นอย่างเมือง ป้อมปราการ หรืออาคารชนิดต่างๆ ที่ถูกปีศาจเข้าครอบงำหลังจากที่โลกของเกมล่มสลายไปตามเนื้อเรื่อง โดยภายใน Camps นอกจากจะเจอกับศัตรูระดับสูงแล้ว ผู้เล่นยังต้องแก้พัซเซิ่ลเฉพาะของแต่ละ Camps เพื่อกอบกู้ที่มั่นเหล่านี้คืน ซึ่งเมื่อแก้ได้แล้วก็จะสามารถเปลี่ยนฐานที่มั่นเหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่มี NPC ที่พร้อมช่วยเหลือเราในวิธีต่างๆ ทำให้ผู้ที่เลือกจะเคลียร์ Camps เหล่านี้ และทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือผู้เล่นคนอื่นได้ในวิธีอื่นนอกจากแค่ไอเทมสวมใส่หรือเลเวลของตัวละคร
แน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่ระบบทั้งหมดที่สามารถพบได้ในเกม Diablo 4 และผู้พัฒนาจะทำการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเกมเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันวางจำหน่ายของเกมในปี 2022